ชายเรียนแค่ป.1 สะดุ้ง อยู่ดีๆ เป็นหนี้เงินกู้ 2 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (10 พ.ย.) นายทอง ชาวบ้าน ต.แม่ปีม อ.เมือง จ.พะเยา เข้าร้องขอความเป็นธรรม ต่อผู้สื่อข่าวหลังกรณีตนเองถูกหลอก ด้วยการนำเอกสารไปกู้เงิน ขณะที่ตนเองเป็นลูกจ้างในร้านอาหารในพื้นที่อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา

ซึ่งเริ่มจากปี 2538 นายบี(นามสมมุติ) ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของร้านอาหารที่นายทอง ไปทำงานเป็นลูกจ้าง ขอยืมบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านไป อ้างว่าจะไปประกอบหลักฐานการเรียนต่อต่างประเทศ

ต่อมา ในปี 2540 มีใบแจ้งหนี้จากธนาคาร ส่งมาตามที่อยู่ตามทะเบียนบ้านนายทอง ทางครอบครัวจึงแปลกใจที่จู่ๆ นายทอง เรียนแค่ ป.1 อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เงินเดือน 700 บาท จะสามารถกู้เงินได้ร่วม 2 ล้านบาทได้อย่างไร

โดยนายทอง ระบุว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนเองนั้นไปเป็นลูกจ้างในร้านอาหารในพื้นที่อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เป็นระยะเวลากว่า 21 ปี หลังจากนั้นตนเองก็เดินทางกลับมาอยู่บ้านในพื้นที่ตำบลแม่ปืม

แต่ต่อมาพบว่าได้มีจดหมายทวงถามหนี้จากตนเอง ตนเองจึงได้ไปติดต่อกับเจ้านายของตนเองซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารดังกล่าว ที่ตนเองไปทำงาน ว่าตนเองมีหนี้สินหรือไม่ แต่ทางเจ้านายได้ระบุว่าตนเองไม่ได้เป็นหนี้สิน แต่อย่างใด

แต่เจ้าของร้านอาหารจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด โดยได้เดินทางมาที่บ้านของตนเองและได้มีการตกลงกันว่าหนี้สินที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบให้ทั้งหมด แต่ต่อมาก็ยังคงมีจดหมายแจ้งเตือน จากสถาบันการเงินต่างๆอีกจำนวนหลายฉบับ รวมหนี้สินกว่า 2 ล้านบาท

ซึ่งตนเองก็ได้เข้าขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทางเจ้าหน้าที่จังหวัด แต่เรื่องก็เงียบหายไปไม่มีการแก้ไขแต่อย่างใด จนล่าสุดทางผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่ที่เจ็ดตำบลแม่ปืม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ได้นำตนเองเขาร้องขอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อครั้งเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดพะเยา จนทางเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้ 

และล่าสุดก็ยังคงมีจดหมายทวงหนี้จากสถาบันการเงินส่งมาให้วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหนี้สินดังกล่าวมีอีกจำนวน 1.2 แสนบาท ซึ่งรวมหนี้สินทั้งหมดจำนวนกว่า 2,000,000 บาทนั้น ตนเองไม่ได้เป็นผู้กู้แต่อย่างใด เพราะตนเองนั้นไม่สามารถอ่านออกเขียนได้

ขณะที่ นายแสวง ยะวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลแม่ปืม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ระบุว่า ก่อนหน้านั้นนายทองคนดังกล่าว ซึ่งเป็นลูกบ้านของตนเอง ได้ไปทำงานในร้านอาหารในพื้นที่อำเภอแม่ใจ แต่ต่อมาก็มีจดหมายมาหาตลอดว่าได้ไปกู้เงินในสถาบันการเงินต่างๆและเป็นหนี้สิน

ตนเองนั้นเคยมาพูดคุยกับนายทองว่าให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวเสีย แต่นายทองได้ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้กู้แต่อย่างใด ตนเองจึงได้เข้าทำการช่วยเหลือและประสานงานให้มาโดยตลอดโดยนำเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่ใจ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพะเยา

ซึ่งตนเองนั้นยืนยันว่านายทองคนดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตชนิดหนึ่ง และไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ แต่ทำไมถึงต้องไปกู้หนี้ยืมสินได้จำนวนเงินมากมาย 

ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆให้ความช่วยเหลือเพราะที่ผ่านมาได้ดำเนินการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใดล่าสุดได้เข้าร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดพะเยาเข้าทำการช่วยเหลือ 

เนื่องจากนายทองคนดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตและไม่เหมือนกับชาวบ้านปกติทั่วไปแต่ทำไมสถาบันการเงินจึงปล่อยกู้ทางการซื้อรถยนต์รถ รถเกี่ยวข้าวและทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ ทั้งที่ตัวของนายทองนั้นไม่เคยไปกู้หนี้แต่อย่างใด จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานเข้าทำการช่วยเหลือดังกล่าว