ปฏิบัติการช่วยช้างป่าลอยคอในคลองชมพูสำเร็จแล้ว 

เจ้าหน้าที่จากอุทยานฯ สัตวแพทย์ และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมแรงร่วมใจกันเข้าช่วยเหลือช้างป่าที่ลอยคออยู่ในคลองชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก จนสามารถช่วยเหลือช้างป่าตัวนี้ขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ

หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.60) ชาวบ้านได้พบช้างป่าตัวนี้เมื่อช่วงสายหลังจากฝนหยุดตก ขณะที่ชาวบ้านก็ออกมาจับปลา ก็พบว่ามีช้างป่าลอยคอติดอยู่ริมตลิ่งที่คลองชมพู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก โดยช้างพยายามขึ้นมาแต่ขึ้นไม่ได้เพราะดินริมตลิ่งนั้นอ่อนตัวและมีความชันเกินไป ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ

โดยคาดว่าช้างป่าตัวนี้น่าจะไหลตามน้ำมาพร้อมกับน้ำป่าที่หลากจากฝนตกหนักบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เนื่องจากฝนตกหนักตั้งแต่เวลา 02.00 น. ของเมื่อวานนี้จนถึงช่วงเช้า จึงทำให้ช้างหมดแรงและหาทางขึ้นไม่ได้

เบื้องต้น ทีมช่วยเหลือได้มีการวางแผนให้ช้างป่าตัวดังกล่าวกลับมามีแรง และให้พยายามขึ้นจากคลองด้วยตัวเอง เพราะถ้าหากเข้าช่วยเหลือด้วยการฉีดยา อาจทำให้ร่างกายอ่อนแรง ทำให้ช้างเกิดความเครียดและเป็นอันตรายได้

จนเวลาผ่านไปจนเข้าสู่ช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ (18 ต.ค.60) หลังจากมีการประเมินสถานการณ์ว่า จะให้ช้างป่าขึ้นมาจากคลองด้วยตัวเอง แต่ตลอดทั้งคืนช้างป่าตัวก็นี้ไม่สามารถขึ้นมาเองได้ ทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ สัตวแพทย์ และชาวบ้านต้องวางแผนเข้าช่วยเหลืออีกครั้ง

โดยช่วงเช้าพบว่าช้างป่าอยู่ห่างจากจุดที่พบเมื่อวานห่างไป 500 เมตร เมื่อวางแผนว่าจะใช้วิธีในการนำตาข่ายมาคล้องช้างป่า ก่อนจะใช้แรงของรถแบคโฮและแรงของชาวบ้านที่มาช่วย ในการยกช้างขึ้นมาจากคลอง โดยพบว่าช้างยังพยายามชูงวงและลุกขึ้นเป็นระยะ แต่มีสภาพอ่อนแรง

เวลาประมาณ 9.00 น. ทีมช่วยเหลือสามารถช่วยกันดึงช้างมาชิดริมตลิ่งได้มากขึ้น จากการช่วยกันดึงของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ขณะที่ช้างก็ออกแรงพยายามขยับ แต่การช่วยเหลือก็ต้องชะงักเนื่องจาก เมื่อคนเข้าใกล้ช้างจะมีอาการตื่นกลัวและพยายามดิ้น

เวลาประมาณ 10.00 น. สัตวแพทย์ได้ประเมินอาการของช้างป่าพบว่ามีอาการทรงตัว และการช่วยเหลือต้องหยุดชะงักเนื่องจากคาดว่าตาข่ายที่มีอยู่อาจจะทำให้ช้างป่าตัวนี้บาดเจ็บขณะใช้รถแบคโฮยกขึ้น จึงได้มีการประสานขออุปกรณ์เปลยก มาจากโรงพยาบาลช้าง ศูนย์ลำปาง ซึ่งได้เดินทางออกมาแล้ว คาดใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง  ระหว่างรออุปกรณ์สัตวแพทย์ได้ให้ช้างนอนพักก่อน ท่ามกลางการดูแลอย่างใกล้ชิดของสัตวแพทย์ ในช่วงที่รออุปกรณ์มาช่วย

เวลา 11.57 น. ทีมช่วยเหลือตัดสินใจเดินหน้าให้ความช่วยเหลือต่อ โดยที่ไม่รออุปกรณ์เปลยักษ์จากโรงพยาบาลช้างศูนย์ลำปาง โดยเริ่มต้นใช้ผ้าใบผืนใหญ่สอดเข้าใต้ลำตัวช้างเพื่อให้ดึงขึ้นฝั่งได้สะดวกขึ้น โดยการร่วมแรงร่วมใจของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สัตวแพทย์และชาวบ้าน โดยการช่วยออกแรงดึงและใช้รถแบคโฮช่วยในการดึงขึ้นบนแนวคันดินก่อนจะพาไปรักษา

แต่การช่วยเหลือค่อนข้างมีอุปสรรคเนื่องจากช้างได้ขืนตัวและทำให้เชือกที่ผูกไว้กับตัวช้างหลุด ทำให้ช้างไหลลงมาบริเวณริมตลิ่งอีกครั้ง โดยจากการประเมินอาการช้างยังค่อนข้างตื่นตระหนก ซึ่งตั้งแต่ 10 โมงเช้า รวมเวลากว่า 26 ชม. แล้ว ช้างไม่ได้กินอาหาร จึงทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง และฝนยังคงตกหนักต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะยังคงดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ด้านสัตวแพทย์ประเมินอาการช้างแล้ว ยังคงมีความทรงตัวอยู่ และมีความอ่อนแรง แต่ยังไม่ทรุดตัว พร้อมกับมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณขาหลัง

หลังจากใช้ความพยายามอยู่นาน ล่าสุดเมื่อเวลา 13.20 น.  เจ้าหน้าที่สามารถดึงช้างขึ้นบนแนวคันดินได้แล้ว ด้านสัตวแพทย์ให้อาหารและรักษาตัวเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นจะส่งไปพักโรงพยาบาลช้างศูนย์ลำปาง ก่อนจะส่งตัวกลับเข้าป่า