“ดร.เสรี” เตือนไทยเสี่ยงโดนพายุซัด 3 ลูกรวดภายใน 2 สัปดาห์นี้

“ดร.เสรี” เตือนไทยเสี่ยงโดนพายุซัด 3 ลูกรวดภายใน 2 สัปดาห์นี้

“ดร.เสรี” เตือนไทยเสี่ยงโดนพายุซัด 3 ลูกรวดภายใน 2 สัปดาห์นี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากมีฝนตกหนักในหลายจุดทั่วประเทศ ส่งผลให้บางพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เขื่อนหลายแห่งมีปริมาณน้ำเต็มความจุ นอกจากนี้ประเทศไทยกำลังจะเผชิญกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนภายในอีก 5-6 วันข้างหน้า รวมถึงพายุอีก 3 ลูกที่กำลังจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยตลอดช่วง 2 สัปดาห์นี้ ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ประเทศไทยต้องพบกับสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำรอยปี 2554 หรือไม่

วันนี้ (11 ต.ค.) รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเพียงบางภาคเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ครั้งนี้โดนผลกระทบทั่วประเทศ และเขื่อนหลายแห่งในภาคเหนือ กลาง อีสาน เริ่มเต็มความจุ ขณะที่เขื่อนในภาคใต้ก็มีแนวโน้มจะเต็มความจุแล้วเช่นกัน

ประกอบกับการคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคตที่พบว่า ประเทศจะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนถึง 3 ลูกภายใน 2 สัปดาห์นี้ ซึ่งลูกแรกคาดว่าน่าจะเข้าประมาณวันที่ 15-16 ตุลาคมนี้ ภาคเหนือและอีสานจะได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว

ส่วนลูกที่สอง จะเข้าในช่วงเวลาเดียวกัน ภาคใต้และภาคกลางทั้งหมดจะมีฝนตกชุก ส่วนลูกที่สาม ยังคงต้องรอการประเมินอย่างใกล้ชิด หากเกิดขึ้นจริงพายุดังกล่าวจะส่งผลกระทบทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคตะวันออก ซึ่งอาจทำให้อำเภอพนัสนิคม พานทอง ศรีราชา พัทยา และอำเภอเมืองมีน้ำท่วมขัง

นอกจากในพื้นที่ภาคตะวันออกและกลางแล้ว หลายจังหวัดในภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดพังงา ระนอง และประจวบคีรีขันธ์ ยังต้องประเมินสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิดเช่นกัน และต้องเตรียมแผนการรองรับการระบายน้ำเอาไว้ด้วย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะอัพเดทสถานการณ์ทุกๆ 6 ชั่งโมง คาดว่าภายในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะมีรายงานที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากส่วนใดบ้าง

ส่วนปริมาณฝนสะสมในปัจจุบัน ในภาคเหนือยังไม่วิกฤติเทียบเท่าปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่ปริมาณดังกล่าวยังไม่ได้นับรวมกับ น้ำฝนที่จะมาพร้อมกับพายุอีก 3 ลูก ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์อาจทำให้ปริมาณน้ำในภาคเหนือเกือบเทียบเท่ากับปี 2554 แม้ว่าปริมาณน้ำจะไม่มากเท่ากับปี 54 แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในบางพื้นที่ไม่น้อย ดังนั้นทุกจังหวัดควรประเมินสถานการณ์และเตรียมแผนรองรับมวลน้ำที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำคงไม่วิกฤติเท่าปี 2554 เนื่องจากตอนนี้เข้าสู่ช่วงปลายฤดูฝนแล้ว และหลายเขื่อนก็ยังสามารถรองรับน้ำได้ เช่นเขื่อนภูมิพล เมื่อปี 54 มีปริมาณน้ำเต็มเขื่อน แต่ปีนี้มีเพียงร้อยละ 66 ขณะเดียวกันเขื่อนสิริกิติ์ ก็มีปริมาณน้ำเพียงร้อยละ 82

ส่วนพายุ 2 ลูกที่จะพัดเข้าในช่วงสัปดาห์นี้ ยังต้องรอการยืนยันอย่างแน่ชัดจากกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งกรมชลประทานก็จะติดตามอย่างใกล้ชิด แต่คาดการณ์ว่าฝนที่ตกลงมาแม้จะมีปริมาณมาก แต่คงไม่ถึงขั้นทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยปี 54 ได้ เนื่องจากตอนนั้นเขื่อนทุกเขื่อนมีน้ำเต็ม และมีฝนกระหน่ำเข้ามาซ้ำ แต่ปีนี้หลายเขื่อนยังสามารถรับน้ำได้ อีกทั้งยังมีพื้นที่ลุ่มต่ำที่สามารถช่วยรองรับน้ำได้เช่นกัน โดยอธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่า สามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำในปีนี้ได้อย่างแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook