สดศรี-สมชัย จับมือหนุนปรับโครงสร้างให้เป็นบอร์ด โอดรับงานธุรการมากไป

สดศรี-สมชัย จับมือหนุนปรับโครงสร้างให้เป็นบอร์ด โอดรับงานธุรการมากไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สดศรีสมชัย ผนึกจี้ กกต.ปรับโครงสร้างการเป็นบอร์ด เหตุรับงานแทนธุรการมากไป หวั่นถูกฟ้องดะเหตุไม่มีภูมิคุ้มกันเหมือนศาล ชี้ กกต.คนใหม่ไม่จำเป็นต้องเก่งบริหารแต่ต้องรู้กฎหมายมหาชน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ร่วมแถลงเรียกร้องให้กกต.ปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นบอร์ดแทนที่จะดูแลกำกับงานด้านกิจการทั้ง 5 ด้าน

นายสมชัย กล่าวว่า ตนได้ปรึกษากับนางสดศรี เพราะเห็นว่าทุกวันนี้กกต.ถูกฟ้องด้วยคดีจากนักการเมืองเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการทำงานด้านการวินิจฉัยคดี ไม่มีภูมิคุ้มกันเหมือนศาล จึงเห็นควรว่าอยากให้กกต.ทำหน้าที่เป็นบอร์ดอย่างเดียวได้หรือไม่ เพราะขณะนี้กกต.ต้องแบกรับภาระงานมากเกินไป เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ กกต.ต้องควบคุมสำนักกิจการ 5 ด้าน และลงเข้าไปทำงานด้านธุรการมากเกินไป ทั้งที่จริงน่าจะเป็นงานที่สำนักงานควรทำมากกว่า ทั้งนี้ ถามว่าเลขาธิการกกต.ตอนนี้ทำอะไร เพราะตอนนี้กกต.ทำงานด้านธุรการและบริหารเป็นจำนวนมาก ที่ถือว่าหนักกว่าองค์กรอิสระอื่นๆ อีกทั้งหากปรับเปลี่ยนเป็นการทำงานเป็นบอร์ดแล้ว การสั่งการทั้งหมดจะอยู่ที่เลขาธิการ กกต. ที่จะต้องดูแลสำนักงาน 5 ด้าน แต่ตอนนี้ กกต. กลับทำหน้าที่แทนหมดทั้งงานด้านสำนวนวินิจฉัยต่างๆ

เมื่อจะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกกต.ใหม่ผมก็ไม่เห็นด้วยหลายอย่าง และงานหลายอย่างไม่จำเป็นต้องให้กกต.ทำเป็นการเฉพาะตัว และไม่ว่าจะมีกกต.เพิ่มเป็น 10 คนก็คงเหมือนเดิมอยู่และจะเป็นการเพิ่ำเลยมากขึ้นเท่านั้น ยืนยันว่าที่เห็นควรแบบนี้ไม่ได้ต้องการอำนาจแต่อย่างใด นายสมชัย กล่าว

ด้านนางสดศรี กล่าวว่า ที่ประธานกกต.ไม่เห็นด้วยต่อการปรับเปลี่ยนเป็นบอร์ด เพราะจะทำให้ดูแลงานไม่ใกล้ชิดและล่าช้านั้น เราบังคับที่คิดแบบนั้นไม่ได้ แต่ก็เห็นว่าไมใช่งานของกกต. เพราะถ้าเราดูงานทั้งหมดแล้วก็คงเป็นมนุษย์มหัศจรรย์ แล้วเราจะมีเลขาธิการกกต.กับรองเลขาธิการกกต.ไว้เพื่ออะไร ดังนั้นจึงคิดว่าการทำงานของกกต.ควรเป็นบอร์ด เพราะงานด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยทั้งหมดเลขาธิการกกต.จะต้องรับพิจารณา แต่การลงนามต่างๆ กกต.ยังคงรับรองอยู่เหมือนเดิม อีกทั้งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ของกกต. ที่จะมีขึ้นนั้นตนเห็นว่าทำให้กกต.ต้องรับงานมากเกินไป เพราะจะทำให้กลายเป็นโครงสร้างใหญ่ที่ใหญ่กว่ากระทรวงหนึ่ง ทำให้กกต.ต้องรับผิดชอบงานทั้งหมด

นายสมชัย กล่าวถึงกรณีกกต.ของปลอมด้วยว่า กกต.ชุดปัจจุบันเป็นของแท้ เพราะได้มีการสรรหาตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่มาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาทำหน้าที่แทนคณะกรรมการสรรหา แต่ต่อมาถูกรัฐประหารโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำให้ต้องออกประกาศ คปค.ฉบับที่ 26 โดยข้อ (3) ระบุว่าให้รับรองไว้ว่าการสรรหาของกกต.ชุดนี้เป็นการสรรหาโดยชอบของรัฐธรรมนูญปี 2540 ดังนั้น คมช.จะยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ไม่ได้ยกเลิกการสรรหาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแต่อย่างใด และคมช.ก็ให้เกียรติกกต.ชุดนี้ด้วย ทำให้กกต.ชุดปัจจุบันจึงเป็นของแท้ ไม่ใช่ของปลอมตามที่ถูกกล่าวหา

นายสมชัย กล่าวถึงการสรรหากกต.คนใหม่ที่ะเข้ามาว่า กกต.คนใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักบริหารหรือนักรัฐศาสตร์ เพราะการบริหารจัดการนั้นสำนักงานกกต.ควรทำหน้าที่มากกว่า เพราะหากกกต.เน้นบริหารมากไปก็จะบริหารสำนักงานมากเกินไป ตนคิดว่าควรเน้นที่สำนักงานมากกว่าที่จะเน้นกกต. เพราะกกต.ต้องรอบรู้ด้านกฎหมายมหาชน ซึ่งจะทำได้ดีกว่าคนที่มีไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย เพราะกกต.ทำงานภายใต้กฎหมายมหาชน และตนคิดว่าใครก็ได้ที่มีความรู้ความเข้าใจกฎหมายก็ช่วยงานกกต.ได้ ที่สำคัญต้องมีสติปัญญารู้ทันการเมืองอย่าหูเบามากเกินไป

ส่วนกรณีเมื่อได้กกต.คนใหม่แล้วจำเป็นต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนการทำงานของกกต.ด้านงานต่างๆ หรือไม่นั้น นางสดศรี ว่า กกต. 5 คนเป็นคนเลือกประธานกกต.

เมื่อถามว่าประธานกกต.ที่ทำหน้าที่อยู่ตอนนี้ทำได้หรือไม่ คำตอบนั้นทางสื่อก็คงทราบดีว่าท่านสมควรทำงานต่อไปหรือไม่ เพราะกกต. 5 คน เป็นเรื่องของกกต.เองว่ายังไม่คิดจะเลือกประธานกกต.คนใหม่ แต่ต้องเน้นว่าไม่มีกฎหมายเขียนว่าประธานกกต.ต้องอยู่ครบวาระ และประธานกกต.จังหวัดก็เลือกประธานอยู่บ่อยครั้ง ส่วนจะพูดคุยกันหรือไม่ต่อการทำงานกกต.นั้น เราอยากจะคุยเรื่องการบริหารงานมากกว่า เพราะกกต.ทุกคนมีอำนาจเท่าเทียมกันทั้งหมด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook