บทวิเคราะห์:การศึกษาตามอัธยาศัยยังจำเป็นสำหรับการศึกษาไทย???(2)

บทวิเคราะห์:การศึกษาตามอัธยาศัยยังจำเป็นสำหรับการศึกษาไทย???(2)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
"การเน้นการศึกษาในระบบ เท่ากับการศึกษาคนตั้งแต่อายุ 5 ขวบชั้นอนุบาล 1 จนถึงอายุ 30 ปีระดับปริญญาเอก แต่อายุที่เหลือตั้งแต่ 30 จนถึงอายุ 60 หรือ จนถึงเสียชีวิต พวกเขาจะอยู่ตรงไหน จึงเป็นที่มาของการศึกษานอกระบบที่จะต้องเข้าไปเติมเต็มให้ครบวงจร และสร้างสังคมไทยให้ทุกคนไขว่คว้าการเรียนรู้ตลอดชีวิต นี่คือเรื่องใหม่และให้ความสำคัญในการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 เป็นคำกล่าวของเสมา 1 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการการ ที่กล่าวถึงปฏิรูปการศึกษารอบ 2 โดยได้ปรับทิศทาง ที่นอกจากจะเน้นการศึกษาในระบบแล้ว จะต้องมีการศึกษานอกระบบ ควบคู่ขนานกันไป เพราะต้องการเดินไปสู่เป้าหมาย สร้างสังคมไทยที่มีประชาชนสนใจการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างจริงจัง ปรัชญาการศึกษาตลอดชีวิต เป็นแนวคิดที่มีมาตั้งแต่อดีต เมื่อมนุษย์มีการพัฒนาวิถีชีวิตให้มีความสัมพันธ์กับธรรมชาติ ทำให้เกิดการเรียนรู้จากธรรมชาติ โดยเฉพาะสังคมในอดีตที่เป็นสังคมเกษตรกรรม ทำให้มนุษย์มีความผูกพันใกล้ชิดกัน มีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกัน รู้จักเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเองจากสภาพแวดล้อมโดย ใช้การสังเกต วิเคราะห์ และการพยากรณ์สิ่งต่างๆ ต่อมาเมื่อก้าวสู่สังคมอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาขึ้นมาจากสังคมเกษตรกรรม วิวัฒนาการ ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวและเรียนรู้ ถึงความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ความเชื่อว่ามนุษย์สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ และเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย จึงนำไปสู่ การจัดการศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษาในระบบโรงเรียนและการศึกษานอกระบบโรงเรียน เป็นการศึกษาที่มีระบบ มีแบบแผน มีกฎเกณฑ์ มีหลักสูตร โดยมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน ถึงแม้ว่าการศึกษานอกโรงเรียนจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าในเรื่องหลักสูตรและการสอน เวลา สถานที่ ผู้เรียน ผู้สอน และการบริหาร การเรียนการสอน การศึกษานอกโรงเรียน จึงแยกตัวออกไปจาก "การศึกษาไม่เป็นทางการ แต่เดิม ส่วนที่เหลืออยู่ จึงบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่ว่า "การศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งมีผู้ให้ความหมายการศึกษาตามอัธยาศัยไว้อย่างชัดเจนและ ครอบคลุม ดังนี้ การศึกษาตามอัธยาศัย หมายถึง กระบวนการตลอดชีวิตที่ทุกคนได้รับและสะสมความรู้ ทักษะ เจตคติ และการรู้แจ้งจากประสบการณ์ประจำวัน และการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และที่เล่น จากตัวอย่างและเจตคติของสมาชิกครอบครัวและเพื่อน จากการเดินทาง การอ่านหนังสือพิมพ์และหนังสืออื่น หรือโดยการฟังวิทยุ ดูภาพยนตร์ โตามปกติแล้วการศึกษาตามอัธยาศัย ไม่มีการจัด ไม่มีระบบ และบางครั้งไม่ได้ตั้งใจ แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตของแต่ละคนเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้ที่มีการศึกษา ในโรงเรียนมาแล้วก็ตาม กล่าวโดยสรุป การศึกษาตามอัธยาศัยเป็นกระบวนการส่งเสริม ให้คนในชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาความรู้ความคิดของตนได้อย่างกว้างขวาง และช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชนให้เกิดการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตัวอย่างแหล่งที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ล้วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของคนเรา เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ประเพณีประจำท้องถิ่น ประจำชาติ ครอบครัว ศูนย์บริการการศึกษา (เช่น ห้องสมุด ศูนย์การเรียน สถาน-ศึกษา) สถานที่สาธารณะ (เช่น หอศิลป พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ สวน สาธารณะ ศูนย์การค้า) ซึ่งล้วนเป็นแหล่งกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ด้วย ตนเอง นอกจากนี้ องค์กร/สถาบันที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย มีความเกี่ยวข้อง และผสมผสานกับองค์กร/สถาบันที่จัดการศึกษาในระบบและการศึกษา นอกระบบโรงเรียน ได้แก่ สถาบันครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งนันทนาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานบริการของรัฐ องค์กรเอกชน แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยองค์กร/สถาบันดังกล่าวจะส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคคลในสังคมเกิดการเรียนรู้ โดยเฉพาะการเรียนรู้ด้วยตนเองจำเป็นต้องอาศัยและพึ่งพาแหล่ง ความรู้ดังกล่าว มีความเห็นอีกด้านหนึ่ง ที่สำนักข่าวแห่งชาติขอหยิบยกเป็นข้อสังเกตและพิจารณาโดยนายสมเกียรติ ศรีจักรวาฬ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ วิทยาลัยรัชต์ภาคย์ ได้ตั้งข้อสังเกตและวิเคราะห์ถึงความหมาย ของ การศึกษา ว่า มีคำหลายคำที่เกี่ยวกับคำว่า "การศึกษา อาทิ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีคำว่า "การเรียนรู้ เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งก็มีทั้งการเรียนรู้แบบเป็นทางการ และการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการหรือการเรียนรู้ตามอัธยาศัย คำต่างๆ เหล่านี้ ทุกคนมีความเข้าใจตรงกันหรือยัง หรือต่างคนต่างเข้าใจ ต่างคนต่างใช้ไปคนละอย่าง "การศึกษา หมายถึง กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนการสอนหรือการเรียนรู้โดยผ่านระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน เพื่อพัฒนาจิตใจ ความรู้ ความชำนาญ ให้เกิดกับบุคคลและสังคม ส่วนคำว่านอกระบบโรงเรียนนั้น มิได้หมายถึงอะไรก็ได้ ที่ทำให้มนุษย์เราเกิดการเรียนรู้แล้วหมายรวมคือการศึกษา เพราะการที่จะเรียกว่าการศึกษาได้นั้น การเรียนริดขึ้น จะต้องเกิดจากกระบวนการการเรียนการสอนที่มีหลักสูตร วัตถุประสงค์ เทคนิควิธีการ ฯลฯ ซึ่งมีการวางแผนไว้ นอกจากนี้ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ วิทยาลัยรัชต์ภาคย์ ได้หยิบยกมาตรา 4 ของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้กว้างขวางเกินสากลที่ว่า "การศึกษาหมายถึงกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึกอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคมการเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จากข้อความข้างต้นหากจบลงแค่คำว่า การอบรม ก็จะมีความหมายเหมือนสากลทั่วไป แต่เมื่อให้ความหมายครอบคลุมเช่นนี้ จะเห็นได้ว่าอะไรก็ตาม ที่ทำให้คนไทยเราเกิดการเรียนรู้ถือว่าเป็นการศึกษาหมด ตลอดชีวิตเรามีการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา แต่การเรียนรู้บางช่วง หรือบางตอนเท่านั้นที่ถือว่าเป็นการศึกษา ดังเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว สำหรับการสืบสานทางวัฒนธรรมก็ดี หรือการถ่ายทอดความรู้ต่างๆ จากปู่ ย่า ตา ยาย จากรุ่นสู่รุ่นก็ดี ล้วนเป็นการเรียนรู้ เราไม่น่าจะถือว่าเป็นการศึกษา เพราะไม่ใช่กระบวนการเรียนการสอนที่มีหลักสูตร วัตถุประสงค์ วิธีการเรียนการสอนที่ได้วางแผนไว้ เพียงแต่เป็นการบอกเล่าหรือแนะนำกันเท่านั้น ดังนั้นคำว่า "การศึกษาตามอัธยาศัย น่าจะเรียกว่า "การเรียนรู้ตามอัธยาศัย หรือ "การเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการ มากกว่า แม้กระทั่งคำว่า "การศึกษาตลอดชีวิต ก็เช่นกันที่น่าจะเรียกว่า "การเรียนรู้ตลอดชีวิต มากกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่าตลอดชีวิตมีการเรียนรู้ แต่ตลอดชีวิตมีการศึกษาเพียงบางช่วงเท่านั้น เป้าประสงค์ในการนำเสนอเช่นนี้ สำนักข่าวแห่งชาติ เพียงต้องการเปิดมุมมองให้เห็นถึงความสำคัญของความหมาย และความเข้าใจในการบัญญัติคำ ก่อนที่จะนำไปสู่ภาคปฎิบัติเป็นรูปธรรม หากว่า คำและความหมายยังมีความสับสนหรือเคลือบแคลงอยู่เช่นนี้แล้ว ผู้ปฎิบัติก็อาจก้าวเดินเบี่ยงเบนไปคนละทิศทางตามความเข้าใจของแต่ละคน และในที่สุดก็มีบทสรุปอยู่ที่ความล้มเหลว โดยสาเหตุยังเป็นปริศนาที่ต้องค้นหาอย่างไม่รู้จบ!!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล