คนร.จี้ธอท.เร่งเจรจาแก้ปัญหาภายในมิ.ย.ก่อนเพิ่มทุน

คนร.รับทราบคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของ ธพว. ชี้เป็นไปตามแผน ขณะ ธอท. ล่าช้า จี้ เร่งเจรจาพันธมิตรให้แล้วเสร็จภายใน มิ.ย.ก่อนเพิ่มทุน - เห็นชอบ ทีโอที-กสท. จัดตั้งบริษัทลูก
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ในฐานะกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. ซึ่งทั้งหมดยังเดินหน้าตามแผนที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ และสามารถบริหารจัดการหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ได้อย่างมีประสิทธิภาพส่วนของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ธอท. พบว่ามีผลการดำเนินงานที่ล่าช้ากว่าเป้าหมาย ที่ประชุมได้เน้นย้ำให้เร่งเจรจาพันธมิตรให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2560 ก่อนที่จะมีการเพิ่มทุนให้กับ ธอท.
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาหลังจากนี้ ก็ได้ดำเนินการเหมือนธนาคารทั่วโลก คือต้องแยกเอาหนี้เสียออกมาจาก ธอท. และทำการถ่ายโอนมาที่ธนาคารอิสลามแห่งใหม่ ที่ชื่อว่า ไอแอม ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไป ในส่วนของ ธอท. จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยให้บริหารสินทรัพย์ที่ดีต่อไป ซึ่งมีทั้งเงินฝาก และสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ ที่พบว่ายังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง โดย คนร.ได้เน้นย้ำนโยบายเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อประคองให้ ธอท. สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทลูก ได้แก่ บริษัท โครงข่ายบรอดแบรนด์แห่งชาติ จำกัด หรือ NBN และให้บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด หรือ NGDC ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาของทั้งสองบริษัทและก้าวสู่ความสามารถในการแข่งขัน โดยการลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนระยะยาว
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลฯ กำกับดูแลบริษัททีโอที และ กสท. เพื่อปรับปรุงแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และการจัดตั้งบริษัทลูกข้างต้นให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมถึงได้รับทราบการดำเนินโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน 2,500 - 3,000 แห่ง ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการช่วงแรกในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะทำให้บริษัททีโอทีประหยัดต้นทุนในโครงการได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท