นายกฯให้มั่นคงสอบหมุดคณะราษฎรหาย-ยังไม่ปรับครม.

นายกฯให้มั่นคงสอบหมุดคณะราษฎรหาย-ยังไม่ปรับครม.

นายกฯให้มั่นคงสอบหมุดคณะราษฎรหาย-ยังไม่ปรับครม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ยัน ไม่จำเป็นปรับ ครม.เศรษฐกิจ ให้มั่นคงสอบหมุดคณะราษฎรหาย ย้ำเร่งเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย โต้โพล ยัน รัฐบาลรับฟังความเห็นปชช.ทุกเรื่อง - จับตาสถานการณ์เกาหลีใกล้ชิด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า วันนี้เป็นการประชุมนัดแรกหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์และเริ่มต้นการทำงานในวันปีใหม่ไทย โดยส่วนตัวได้ทำความเข้าใจกับคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ออกมาแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนโรดแมปเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง 

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นในช่วงนี้ 
เนื่องจากยังมองมิติเศรษฐกิจในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระดับฐานรากที่ให้ความสำคัญสูงสุดเนื่องจากมีคนหลายสิบล้านคนที่อยู่ตรงนั้น การพัฒนาในส่วนนั้นจึงจำเป็นต้องให้เกิดห่วงโซ่ให้ได้เพื่อให้ยึดโยงกับเศรษฐกิจและการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้ลงสู่ระดับล่างให้ได้ อาทิ โครงการ AEC ที่เป็นมาตรการหนึ่งที่ทั่วโลกได้ดำเนินการ ที่ได้มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เกิดขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจโลกและประเทศมีมูลค่าสูงขึ้น ดังนั้นจึงยังไม่มีนโยบายปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีหมุดคณะราษฎรบริเวณลานพระราชวังดุสิตหายไป และมีผู้มาเเจ้งความร้องทุกข์ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่อยากให้เป็นประเด็นในเวลานี้ ซึ่งส่วนตัวได้รับรายงานแล้วและได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ติดตามสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ไทยเป็นประชาธิปไตยมากว่า 80 ปี และยืนยันว่าส่วนตัวก็เป็นประชาธิปไตย ดังนั้นอยู่ที่ใจของทุกคนว่าจะเดินหน้าประเทศกันอย่างไร หากยังพูดกันไปมาเรื่องดังกล่าวก็ไม่มีทางจบ

ส่วนวันที่ 19 เม.ย. นี้ จะมีกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจัดกิจกรรมทวงคืนหมุดนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การทวงคืนต่างๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น และส่วนตัวอยากเตือนว่า การจะดำเนินการอะไรต่างๆ ในช่วงนี้ ไม่อยากให้บ้านเมืองไปไม่ได้ในทุกเรื่อง เพราะมีหลายกลุ่มหลายฝ่ายต้องการใช้ประเด็นหลายประเด็น รวมถึงเรื่องหมุด ให้เป็นปัญหาไปทั้งหมด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้กฎกมาย ขณะเดียวกันอยากขอร้อง เนื่องจากขณะนี้ไทยกำลังเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยและเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล 

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่อยากเพิ่มภาระให้กับฝ่ายความมั่นคงแต่เป็นเรื่องที่จำเป็น จึงได้ให้ฝ่ายความมั่นคงดูกฎหมายทุกข้อในช่วงนี้เป็นต้นไป จึงขอให้ทุกคนระมัดระวังด้วย ซึ่งส่วนตัวไม่ได้ขู่ แต่ไม่อยากให้บ้านเมืองเดือดร้อนอีกแล้ว และไม่อยากให้ประท้วงกันยาวนานวุ่นวายไปหมด จึงขอใช้เวลาที่เหลือทำงานให้เต็มที่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผลโพลสำรวจความคิดเห็นถึงร้อยละ 29 เป็นห่วงสถานการณ์รัฐบาล จากกรณีที่ไม่รับฟังความเห็นจากประชาชนเท่าที่ควรว่า ต้องดูว่าจุดมุ่งหมายในการทำโพลคืออะไร และคำถามเป็นการบังคับคำตอบอย่างไร ซึ่งทุกเรื่องรัฐบาลรับฟังอยู่แล้ว ทั้งจากสื่อและคนที่ส่งมาให้เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติและแก้ไขให้ตรงกับความต้องการ แม้แต่เรื่องเล็กน้อย อาทิ ถนนชำรุดทรุดโทรมในพื้นที่เล็กน้อย ก็สามารถแก้ไขได้ทันเวลาทั้งเรื่องร้องเรียนที่มาจากศูนย์ดำรงธรรมและจากโซเชียลมีเดีย ก็ได้นำไปสู่การขับเคลื่อนทั้งหมด ดังนั้นจะบอกว่าส่วนตัวไม่รับฟังได้อย่างไร จึงต้องไปดูว่าบุคคลที่บอกว่าไม่รับฟังคือเรื่องใด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ต้องมีมาตรการรองรับทางกฎหมาย ซึ่งมีกฎหมายทุกตัวอยู่แล้วเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศและให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข 

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะติดขัดไปทั้งหมดด้วยความขัดแย้งและการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เป็นประโยชน์ของคนไม่กี่กลุ่มแต่ส่วนตัวก็พร้อมรับฟัง


นายกฯ ยัน ฝ่ายมั่นคงจับตาสถานการณ์เกาหลีใกล้ชิด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีในขณะนี้ว่า รัฐบาลโดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ และคณะทูต ได้ติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นประเด็นของโลกที่จะต้องติดตามเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจอะไรลงไป ต้องมีความยับยั้งชั่งใจก่อนที่จะเกิดสงคราม แต่สิ่งสำคัญคือความพร้อม โดยสิ่งเดียวที่ไทยจะได้รับผลกระทบคือด้านเศรษฐกิจที่ไม่ได้เตรียมพร้อมรับความเสี่ยงทั้งจากสถานการณ์โลกและความขัดแย้ง ไม่ได้สร้างระบบเศรษฐกิจที่เกื้อหนุนกันต่างคนต่างทำ วันนี้รัฐบาลจึงพยายามที่จะแก้ปัญหาทุกอย่าง ทั้งกฎระเบียบ การค้า สิทธิประโยชน์ บีโอไอที่จะต้องปรับให้ทันสมัยและต้องดูเพื่อนบ้านในเรื่องต่างๆ อาทิ สิทธิประโยชน์และค่าแรงงานที่เพื่อนบ้านต่ำกว่า ในขณะที่ไทยก็พยายามให้สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามขออย่าตื่นตระหนกกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อสิทธิส่วนรวม


นายกฯสั่งสั่งสอบสาวโป๊สาดน้ำสงกรานต์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงการกวาดล้างอาวุธสงครามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กวาดล้างมาโดยตลอดก่อนช่วงสงกรานต์ แต่มีคนจำนวนมากและบ้านเมืองยังไม่เป็นระเบียบจึงดูแลควบคุมได้ยาก ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำเต็มที่และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และขอให้สร้างกระแสสังคมให้ช่วยกันดูแล รวมถึงการนำเสนอข่าวให้ไปในทิศทางที่ดีบ้าง ที่ต้องสอนให้สังคมรับรู้ว่าสิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม 

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการในเรื่องการเต้นไม่สุภาพหรือเปลือยเปิดอก ที่ต้องดำเนินการจับกุมให้ได้ เพราะไม่เกรงกลัวอะไร และยังไม่มีความละลาย ซึ่งสังคมจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ส่วนข้อเสนอแก้กฏหมายให้เข้มงวดนั้น ปัญหาอยู่ที่ผู้ปฏิบัติไม่เกรงกลัวกฏหมาย แม้ว่ารัฐบาลเข้มงวดในการบังคับใช้กฏหมายแล้ว แสดงว่าสังคมยังเป็นปัญหาจึงต้องช่วยกันให้สังคมปลอดภัย



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล