อภิสิทธิ์ยันพร้อมลต.หวังคสช.ปลดล็อคพรรค

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยันพร้อมเลือกตั้ง หวัง คสช. ปลดล็อคพรรคการเมือง มองควบรวม อบต. เป็นเทศบาล ยังไม่สอดคล้องกับภารกิจของท้องถิ่น มอง มาตรา 44 ห้ามนั่งท้ายกระบะไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ชี้หลังสงกรานต์ต้องทำความเข้าใจประชาชน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภายหลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พรรคจะดำเนินการอย่างไร ว่า ไม่สามารถบอกได้ เพราะยังมีข้อจำกัดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เชื่อว่า จะมีการผ่อนปรนตามลำดับ ซึ่งพรรคไม่มีปัญหาหากจะมีการเลือกตั้งไม่ว่าช้าหรือเร็ว เพราะมีความพร้อมทั้งในด้านนโยบายและตัวผู้สมัคร และไม่กังวลเรื่องกติกาที่มีข้อยุติในเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งไปแล้ว และกฎหมายพรรคการเมืองตรงกับนโยบายพรรค ที่ให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคการเมือง
สำหรับข้อเสนอเลือกตั้งท้องถิ่น ที่อาจมีขึ้นก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ยังไม่ทราบกรอบเวลาแน่ชัด แต่สิ่งสำคัญคืออนาคตของท้องถิ่น ที่จะให้มีการควบรวม อบต. เป็นเทศบาล ยังไม่สอดคล้องกับภารกิจของท้องถิ่นในการเข้าถึงปัญหาของประชาชน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการก้าวอย่างที่ปีที่ 71 ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า จะทำงานตอบสนองความต้องการของประชาชน และตอบโจทย์ของประเทศ และจากประสบการณ์ของพรรคทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว โดยมั่นใจว่า พรรคเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่น โดยยึดมั่นความซื่อสัตย์และอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าสู่ประชาธิปไตย ไม่ล้มเหลวเหมือนในอดีต โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะต้องหลุดพ้นจากความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่ดีเฉพาะภาคธุรกิจ จะต้องลงไปแก้ปัญหาในภาคเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน รวมถึงวางแผนแก้ปัญหาเตรียมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเลื่อนการบังคับใช้คำสั่ง คสช. เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ทั้งการห้ามนั่งท้ายกระบะรถ และแคปรถกระบะ ตามมาตรา 44 ที่ทำให้ประชาชนสับสน ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ประชาชนไม่มีเวลาเตรียมตัว จึงเป็นเหตุผล
ให้รัฐบาลต้องยอมเลื่อนการใช้กฎหมายนี้ออกไป
ส่วนการบังคับใช้กฏหมายหลังเทศกาลสงกรานต์ ก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจหาทางออกให้ประชาชนก่อน เพราะต้องเข้าใจว่ารถกระบะเป็นรถที่คนส่วนใหญ่ใช้และมีความคุ้นเคย หากอ้างมาตรฐานสากล ก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง แม้จะเป็นเรื่องความปลอดภัย ซึ่งก็เห็นใจรัฐบาลที่มีความตั้งใจจริง พร้อมยกถึงหลายกรณีที่ยังไม่มีความปลอดภัย แต่ก็ยังเกิดขึ้น เช่น การยืนบนรถเมล์ เป็นต้น ที่ถือว่ายังเป็นความลักลั่นของสังคม