ชื่นมื่น!อีฟควงต้นฉลองแต่ง-อยากมีลูกเลย

สาว 'อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา ' ควง 'ต้น เติมศักดิ์ ศักดิ์ดาพร' ฉลองแต่งงาน เผย ยังไม่แพลนฮันนีมูน อยากมีลูกเลย ขณะเพื่อนสนิทร่วมยินดี
หลังจากที่เข้าพิธีแต่งงานแบบไทยไปเมือวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับคู่ของอี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา และ ต้น เติมศักดิ์ ศักดาพร ล่าสุดทั้งคู่ก็ควงคู่หวานชื่นฉลองมงคลสมรส ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม เมืองทองธานี ท่ามกลางบรรยากาศอันอยอุ่นของแขกผู้มีเกียรติ เพื่อนสนิททั้งในและนอกวงการมาร่วมแสดงความยินดี โดยทั้งคู่ยังควงกันแถลงข่าวเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า..
ตอนนี้ถือว่าแต่งแล้วใช่มั้ย?
อีฟ:"แต่งแล้วค่ะ แต่งตั้งแต่วันที่รดน้ำสังข์ วันที่ 26 ก.พ. ค่ะ ที่บ้านพิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิมทอมสัน ค่ะ"
สินสอดเท่าไหร่?
ต้น: "เรื่องสินสอดทองหมั้นผมเป็นคนดูแลแค่เรื่องแหวนครับ ส่วนเรื่องสินสอดอย่างอื่นพวกแก้วแหวนเงินทองก็คือจะเป็นทางผู้ใหญ่ของผมเป็นคนดูแล ผมไม่ทราบเหมือนกัน
อีฟ: "และไม่ได้นับด้วยค่ะ (หัวเราะ)"
สมน้ำสมเนื้อใช่มั้ย?
ต้น:"ใช่ครับ (ยิ้ม)
อีฟ: "พ่อก็ยกให้น่ะ (ยิ้ม) ก็คือกล้ายกลูกสาวให้ล่ะ เขาก็น่าจะพอใจแล้ว"
เรื่องของแหวน?
ต้น:"แหวน 8 กะรัตครับ เลข 8 เป็นเลขมงคลครับ เพราะผมมีเชื้อจีนอยู่ด้วยก็เลยเลือกเลข 8"
จดทะเบียนไหม?
อีฟ: "อีฟใช้นามสกุลเดิมค่ะ"
ความรู้สึกหลังแต่งงานเป็นอย่างไรบ้าง?
ต้น: "มีความสุขดีนะครับ (หัวเราะ)
อีฟ: "ชีวิตคู่น่ะค่ะ อีฟรู้สึกว่าเราเป็นสามีภรรยาแล้วนะ จริงๆ ในวันงานที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นยังงี้เอง วันที่ทุกคนมาแสดงความยินดีกับเราด้วยความตั้งใจมา เต็มใจมา และที่สำคัญคือพรต่างๆ ที่ได้รับในวันแต่งทำให้พวกเรารู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไป คือเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการได้รับพร ได้ผ่านพิธีมันทำให้ชีวิตเปลี่ยน (หัวเราะ)"
ต้น: "คือจากเดิมที่เราใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ทำแต่งาน ต่อจากนี้ไปเราก็ต้องคิดถึงเขา ก่อนหน้านี้เราอาจจะกลับบ้านไม่เป็นเวลาบ้าง แต่หลังจากนี้ก่อนจะกลับบ้านก็จะโทรบอกเขาว่าเราจะกลับบ้านแล้วนะ เพื่อให้เขาสบายใจ เพราะไม่ใช่คนๆ เดียวแล้ว เราสองคนคือคนๆ เดียวกัน
อีฟ: "ก็แฮปปี้ดีค่ะ เพราะต้นเขาค่อนข้างเหมือนพ่อ เพราะฉะนั้นเขาก็เข้ากันได้ดีอยู่แล้ว พ่อก็เหมือนมีลูกชายใหม่ ตอนแรกเราก็เหมือนเป็นคู่เฉยๆ แต่ตอนนี้อีกหน่อยเราจะเป็นครอบครัว เราก็เหมือนอัพเลเวลขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งเป็นครอบครัวค่ะ"
อาต้อยมีฝากฝังอะไรเป็นพิเศษมั้ย?
ต้น: "ดูแลลูกสาวคนเดียวของพ่อให้ดีนะครับ แค่นั้นเอง สั้นๆ เลย (หัวเราะ) ผมก็จะดูแลให้ดีครับ ดูแลทุกวันให้ดีที่สุด (ยิ้ม) ผมก็ทำได้แค่สัญญากับแกว่าจะดูแลให้ดีที่สุด เหมือนกับที่แกรักและเป็นห่วง
อะไรที่ทำให้ต้นชนะใจเรา?
อีฟ: "ตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆ น่ะค่ะ ตั้งแต่เดทครั้งแรกอีฟก็อยู่กับเขา คือคนไม่เคยเจอกันเลย แต่ไปเดทกันครั้งแรกวันวาเลนไทน์ คือไปทำความรู้จักกัน ณ วันนั้นมากขึ้น เหมือนกับพอเจอกันแล้วได้คุย กินข้าว 7 ชั่วโมง ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไป 7 ชั่วโมงแล้ว อันนั้นเป็นประกายแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เคยอยู่กับใครที่เราไม่รู้จักและใช้เวลาได้ถึง 7 ชั่วโมง แสดงว่าเขาต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย มันเริ่มจากตรงนั้น และเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่นและเป็นผู้ชายที่โตแล้ว มีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจ ที่สำคัญคือถ้าเขารักเราและเขากล้าที่จะเลือกเรา เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฎิเสธค่ะ (ยิ้ม)"
ต้น: "สำหรับผมวันแรกที่เจอเขา เราไม่รู้จักกันเลย แต่เขาเป็นคนพูดเก่งมาก เราก็นั่งฟัง ครับๆ ตอบได้คำเดียวว่า ครับ ผมเป็นคนที่ชอบเรื่องสัพเพเหระ ชอบฟังซะส่วนใหญ่ เป็นคนที่พูดน้อย ก็เลยฟังเขาแล้วรู้สึกว่ามันทำให้เราอยู่ได้นานโดยที่เราลืมเวลาไปเลยด้วยซ้ำว่าเราอยู่กันมากี่ชั่วโมงแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าประทับใจมากวันนั้น และอีกอย่างหนึ่งเขาเป็นคนสวยอยู่แล้วด้วย ผมแพ้คนสวยครับ (หัวเราะ)"
จากวันที่ขอแต่งงานห่างจากวันที่เริ่มคบกันนานเท่าไหร่?
อีฟ: "6 เดือนค่ะ"
ต้น: "ระยะเวลาไม่สำคัญนะ เพราะหลังจากที่ผมรู้จักเขาทุกๆ วันผมจะมีเวลาให้เขาทุกๆ เย็น อยู่ด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน มีเวลาดูหนังตามประสาวัยรุ่นน่ะครับ (หัวเราะ) ออกกำลังกายบ้าง จนเรารู้สึกว่าเรามีเวลาเยอะนะสำหรับทุกๆ วัน วันละ 3-4 ชั่วโมง จนถึง 6 เดือนก็เยอะอยู่นะ แต่จะทำยังไงให้เราได้เข้าใจเขามากขึ้นในทุกวันๆ ทำให้เรารู้สึกว่าคนๆ นี้แหละใช่ ก็ขอเลยแล้วกัน ณ ตอนนั้นนะครับ (ยิ้ม)
อีฟ: "ตอนถูกขอก็ตกใจนิดหนึ่ง คือเขาชอบพูดเล่น เวลาไปกินข้าวกับเพื่อนๆ เขาก็จะชอบพูดเล่นว่าเดี๋ยวถ้าเกิดแต่งงานเพื่อนๆ กั้นประตูอย่ากั้นโหดนะ คือเหมือนเขาจะแซว เขาพูดเล่นอยู่เรื่อย ก็ไม่เคยคิดว่าเขาตั้งใจจะขอจริงๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้นค่ะ แต่ว่าพอตอนที่ถูกขอจริงๆ แล้วเราก็รู้สึกอึ้งไปแป๊บนึง มันเหมือนเรื่องโกหกน่ะ มีกล้องหลอกรึป่าววะ (หัวเราะ) คือโดนขอแล้วอีฟก็ยังนิ่งอยู่นานเลยค่ะ เขาถึงกับต้องมาเขย่าตัวว่าตกลง yes หรือ no คือเรานึกว่าโดนหลอก พอเขาถามเราว่าตกลงจะแต่งหรือไม่แต่ง อีฟก็เลยตอบว่า yes ณ วินาทีที่เราเงียบไปเราก็นึกไม่ออกว่าเราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะตอบว่าไม่น่ะค่ะ เราก็รักกัน และเขาก็เป็นคนที่พร้อมแล้ว ถ้าเขาพร้อมเราก็ควรจะต้องพร้อมค่ะ (ยิ้ม)
วันนี้งานใหญ่มาก เชิญแขกเยอะมาก?
อีฟ: "จริงๆ ตัวอีฟอยากจะมีงานเล็กๆ ด้วยซ้ำนะคะ แต่ด้วยพ่อแม่เรา คือมีคนที่อยากจะมาแสดงความยินดีกับพ่อแม่เราว่าลูกขายออกเนี่ยเยอะมาก (หัวเราะ) รวมถึงตัวเราเอง เพราะทุกคนไม่เคยคิดว่าอีฟจะแต่งงาน พอบอกออกไปว่าเราจะแต่งงานนะ ทุกคนก็ดูดีใจมาก ทุกคนก็อยากจะมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งอีฟก็เลยคิดว่าถ้าทุกคนตั้งใจจะมา เราก็อยากจะมีพื้นที่มากพอที่จะรองรับทุกคนอย่างสะดวกสบาย อีฟก็เลยเลือกสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่เพื่อที่จะรองรับได้ทุกคน
ธีมงานวันนี้เป็นอย่างไร?
อีฟ: "อันนี้เป็นสิ่งที่เราคิดตรงกัน คืออีฟเป็นคนที่ชอบแนววินเทจ ต้นก็ชอบ อีฟเป็นผู้หญิงหุ่นแบบคนยุคเก่า ใส่เสื้อผ้าแบบยุคร่วมสมัยไม่สวย ก็เลยอยากใส่ชุดในยุคที่เรารู้ว่าแม่เราใส่สวย ถ้าแม่เราใส่สวยเราก็ต้องใส่สวย (ยิ้ม) ก็เลยเอาแม่เป็นแบบค่ะ เพราะเราก็อยากให้ดูย้อนยุคนิดนึงด้วยค่ะ"
หลังจากนี้ทำงานในวงการต่อไหม?
ต้น: "ถ้าไม่ทำก็เลี้ยงไหวครับ แต่เราก็อยากให้เขาทำในสิ่งที่เขารักและเขาโตมากับวงการนี้ ผมก็คิดว่าปล่อยเขาให้ได้ทำงานในสิ่งที่เขารักดีกว่า ส่วนเขาจะมาช่วยงานผมผมก็ยินดี มาได้ตลอดครับ (ยิ้ม) ธุรกิจของผมมีทั่วประเทศครับ เรื่องเซ็กซี่เหรอ จริงๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างหวงนะ หวงแฟนมาก โดยส่วนตัวผมก็หวงตัวเองนะ (ยิ้ม) ก็หวงครับ แต่ว่าเขาโตแล้ว เขาก็ต้องรู้ลิมิตของตัวเองอยู่แล้ว"
อีฟ: "อีกหน่อยเขาก็จะบอกว่าถ้ามีลูกไม่อายลูกเหรอ คือเขาก็จะมีวิธีดักทางเราเองแหละ และอีฟได้ใช้ชีวิตในช่วงที่อีฟต้องการแบบเป็นตัวของตัวเองเยอะมากแล้วค่ะตลอดเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา (หัวเราะ) มันก็เป็นช่วงเวลาที่อีฟได้ใช้อย่างเต็มที่ค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราจะโตขึ้นโดยวุฒิภาวะแล้วก็คงต้องมีความพร้อมที่จะเป็นภรรยาและเป็นแม่บ้านให้มากขึ้น"
พอแต่งแล้วย้ายเข้าบ้านไหน?
ต้น: "ผมย้ายเข้าบ้านเขาครับ ด้วยที่พ่อกับแม่ของคุณอีฟก็อายุพอสมควรแล้วครับ ละผมเป็นคนที่ชอบดูแลผู้หลักผู้ใหญ่อยู่แล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่ผมจะย้ายเข้าไปแล้วได้ช่วยเขาแบ่งเบาภาระด้วย"
เป็นอีกเหตุผลที่อีฟยังใช้นามสกุลเดิมหรือเปล่า?
อีฟ: "จริงๆ ที่ใช้นามสกุลเดิมเพราะในตระกูลอีฟไม่รู้จักญาติที่ไหนอีกแล้วที่นามสกุลนี้ คืออีฟเป็นคนสุดท้ายเท่าที่พ่อบอก ก็เลยรู้สึกว่าพ่อสร้างไว้เยอะ เลยอยากจะเก็บไว้ถ้าทางนี้เขาไม่ว่าอะไร ซึ่งคุยกันแล้ว ก็ต้องบอกว่าต้นเป็นผู้ชายที่ใจดีมาก ก็ตกลงกันว่าไม่เป็นไรงั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยน และที่เขายอมย้ายเข้าบ้านเงื่อนไขก็คืออีฟเองตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าแต่งงานอีฟจะไม่ออกจากบ้าน คือผู้ชายอาจจะต้องเสียสละนิดนึง เพราะบ้านมีแค่นี้ แค่อีฟ พ่อ แม่เท่านั้น แม่ก็ป่วยมาแล้ว รือเรามีประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้ว เราไม่อยากไปไหนไกล ซึ่งทางนี้ก็เข้าใจ ครอบครัวเขาก็เข้าใจ ก็เลยไม่มีปัญหา ยิ่งทำให้ทุกๆ อย่างเข้าล็อคค่ะ"
จะมีน้องเลยไหม?
อีฟ: "ตั้งใจไว้ว่าไม่คุมค่ะ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ จริงๆ หลายคนก็ทักว่าไม่เด็กแล้วนะ ไม่ปรึกษาหมอก่อนเหรอ แต่ใจก็คุยกันไว้ว่าจะลองธรรมชาติไปก่อน ลองไปก่อนสักปีนึงค่อยว่ากันถ้ายังไม่มา"
ต้น: "สำหรับผมจะผู้หญิง ผู้ชายก็ได้หมดนะ แต่ถ้าที่อยากได้จริงๆ อยากได้ผู้ชายครับ (ยิ้ม)
จะเอาหลักการใช้ชีวิตคู่ของพ่อกับแม่มาใช้ยังไงบ้าง?
ต้น: "พ่อสอนสั้นๆ มาก เป็นคนดี เข้าใจ รักครอบครัวให้มาก แค่นั้นเอง ส่วนผมแล้วคือไม่ได้ชมตัวเองนะ ผมก็คิดว่าผมก็เป็นคนดีคนนึงครับ (ยิ้ม) ที่จะดูแลผู้หญิงคนนี้ได้ ในเมื่อเรารักเขา เราก็ต้องทำให้เขาได้ทุกอย่าง ผมคิดแค่นี้เองครับ ง่ายๆ (ยิ้ม)"
อีฟ: "คือเราต้องหาจุดกึ่งกลางให้กันและกัน คือต้นเขาก็เป็นผู้ชายที่ทำงานสุด อีฟเองทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัวก็สุดเหมือนกัน ก็คิดว่าเราคงต้องจูนกัน และอาศัยคำว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยและให้เกียรติซึ่งกันและกันให้มาก อีฟคิดว่าเป็นจุดที่ทำให้ชีวิตคู่ประสบความสำเร็จ อย่างพ่อกับแม่เขาก็อยู่ด้วยกันแค่นั้น ความรักมันเป็นตัวก่อเกิด อย่าให้อะไรอย่างอื่นมากระทบความรักของเรา คือต้องสร้างภูมิความรักของเราด้วยความเข้าใจ ยอมลด ยอมวาง และให้พื้นที่กันและกันบ้าง สิ่งเหล่านี้เรามีพ่อแม่เป็นตัวอย่าง และโชคดีที่พอเราอยู่ด้วยกันเราก็เห็นเขาทุกวัน เราก็จะได้ไม่ลืมว่าเรารู้จักเขายังไง และสักวันนึงเราก็จะเป็นแบบเขา จะแก่ไปด้วยกันแบบเขา (ยิ้ม)"
ฮันนีมูนที่ไหน?
อีฟ: "ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ"
ต้น: "ก็คิดไว้บ้างนะครับ"
อีฟ: "เรื่องนี้อาจจะโยนไปให้เจ้าบ่าว เพราะงานแต่งอีฟคิดหมดแล้ว ทำเองทุกอย่าง (หัวเราะ) ที่ผ่านมายุ่งจริงๆ ค่ะ ไม่ได้ทำงานหลายเดือนเลย ก็เลยอาจจะขอคิดก่อนเรื่องนี้ เพราะไม่ได้ทำงานนานด้วยก็เลยอยากกลับไปทำงานก่อน มีงานที่ต้องสะสางเยอะเลย"
ได้แฟนเด็กตามที่เคยบอกเอาไว้เลย?
อีฟ: "ใช่ (หัวเราะ) โดนหลอกมา"
ต้น: "ยอมให้หลอกมากกว่ามั้ง (หัวเราะ) อายุเป็นแค่ตัวเลขครับ (ยิ้ม)"