นายกฯจับตาวัดพระธรรมกายขออย่ามีปะทะ

นายกรัฐมนตรี ติดตามตรวจค้นวัดพระธรรมกายใกล้ชิด ขอทุกฝ่ายเข้าใจเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำ ขออย่ามีปะทะ แนะ 'พระธัมมชโย' มอบตัวสู้คดี
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ซึ่งขณะนี้ก็มีความชัดเจนในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ว่า เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเป็นผู้ดำเนินการหลักในการเข้าตรวจค้นพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารจะเป็นฝ่ายสนับสนุน ซึ่งขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย มิเช่นนั้นจะกลายเป็นลัทธิตัวอย่าง ว่ามีพื้นที่ที่บังคับกฎหมายไม่ได้ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอมีความยืดหยุ่นในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดการปะทะ จึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ส่วนการทางวัดมีการเชิญชวน และระดมลูกศิษย์เข้ามาภายในวัด กว่า 500,000 คน นั้น ก็จะเชื่อว่าไม่ทำให้สถานการณ์บานปลาย เพราะสังคมเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนา แต่ต้องการใช้คนมาเป็นโล่กำบัง จึงขอให้พุทธศาสนิกชนพิจารณาว่าสมควรหรือไม่ แต่ทั้งนี้หากต้องการเข้ามาสวดมนต์ก็ไม่ได้ปิดกั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่
อย่างไรก็ตาม โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังย้ำว่า การดำเนินการทั้งหมดไม่ตัดสินว่าพระธัมชโยมีความผิด แต่อยากให้เข้ามาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม
พล.ท.สรรเสริญ ยังชี้แจงถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. กลับไปทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และกระบวนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ หรือ EHIA ซึ่งหลายฝ่ายเกิดความสับสนว่าเป็นการเริ่มทำใหม่ทั้งหมดหรือไม่ ว่า กลุ่มผู้เห็นต่างไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้า หรือจะผลิตไฟฟ้าด้วยสิ่งใด เพียงแต่มองว่าขั้นตอนการประเมินกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประชาชนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้ทบทวน EHIA อีกครั้ง แต่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น หรือการนำของเดิมมาปรับแก้ไขนั้นมองว่า ผลที่ได้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน จึงไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็น