ชาวพิษณุโลกเปลี่ยนสวนยางปลูกสตรอว์เบอร์รีรายได้ดี

ชาวบ้านรักไทย จ.พิษณุโลก เปลี่ยนสวนยางเป็นไร่สตรอว์เบอร์รี สร้างรายได้ดีเตรียมเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
นางศิริมา ทองศิริ อายุ 30 ปี หรือ "ผึ้ง" เจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รีภูรักไทย ที่บ้านรักไทย หมู่ 7 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เดิมตนเองและครอบครัวทำสวนยาง แต่ในระยะ 1 - 2 ปี นี้ มีพื้นที่ว่างของสวนต้นยางหมดรุ่น ต้องมีการรื้อต้นยางเก่าแล้วปลูกทดแทนขึ้นมาใหม่ ซึ่งต้นยางเมื่อปลูกแล้วจะเริ่มกรีดน้ำยางได้ก็ต้องรอเวลาถึง 5 ปี ระหว่างที่รอจึงได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งจำนวน 3 ไร่ มาทดลองปลูกสตรอว์เบอร์รี พันธุ์พระราชทาน 80 โดยนำกล้าพันธุ์มาจาก จ.เชียงใหม่ ศึกษาเรียนรู้วิธีการจนสามารถปลูกและเก็บผลจำหน่ายได้
ทั้งนี้ การดูแลสตรอว์เบอร์รีต้องเอาใจใส่มากพอสมควร แต่ผลตอบแทนนับว่าคุ้มค่ามากทางด้านการลงทุน ในการเตรียมแปลง ค่ากล้าพันธุ์ ค่าคนงาน และอื่นๆ ในพื้นที่ 3 ไร่ ตนเองลงทุนไปประมาณ 2 แสนบาท สตรอว์เบอร์รีจะใช้เวลาในการปลูกประมาณ 70 วัน ซึ่งตรงนี้ต้องคำนวนให้ดี ว่าต้องให้ผลผลิตออกมาในช่วงฤดูหนาวพอดี ซึ่งปีนี้ฤดูหนาวมาช้าทำให้ได้รับผลกระทบบ้าง หลังปลูกได้ 70 วัน สตรอว์เบอร์รีจะเริ่มออกผลรุ่นแรก พื้นที่ 3 ไร่ สามารถเก็บผลจำหน่ายได้ วันละประมาณ 10 กิโลกรัม จากนั้นเว้นระยะประมาณ 20 - 30 วัน ก็จะเริ่มออกผลรุ่นที่ 2 ซึ่งในรุ่น 2 ผลผลิตจะออกมาก เก็บได้วันละประมาณ 100 กิโลกรัม ส่วนราคาขายที่ไร่ จะขายที่ราคากิโลกรัมละ 200 - 250 บาท ช่วงที่เก็บขายได้มากที่สุด จะมีรายได้ถึงวันละ 2 หมื่นบาท และนอกจากจะมีรายได้จากการจำหน่ายผลแล้ว ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นเนินเขาอากาศดี อีกทั้งนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวเย็น ที่ไร่ภูรักไทยจึงได้เตรียมเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเติมอีกด้วย