ครม.ผ่านพรบ.จร.ใหม่จ่อใช้ม.44ก่อนสงกรานต์คุมวินัยขับรถ

มติคณะรัฐมนตรี ผ่านร่าง พ.ร.บ.จราจรใหม่ จ่อใช้ ม.44 ก่อนสงกรานต์ คุมวินัยขับรถ ดูปลอดภัย หลังพบตัวเลขอุบัติเหตุปีใหม่เพิ่มสูงขึ้น - นายกฯ กำชับ ครม. รับแนวทางพระราชทานมาเป็นหลักในการทำงาน

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบกฉบับใหม่ มีสาระสำคัญ ปรับปรุงอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษ ให้เหมาะกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน และสอดคล้องกับประมวลกฎหมายอาญาที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมไปแล้วในมาตราต่าง ๆ เช่น มาตรการบังคับผู้ขับขี่ที่ได้รับใบสั่งแล้ว ไม่ไปชำระค่าปรับ มาตรการนำรถที่ใช้ในการกระทำความผิดมาเก็บรักษาและกำหนดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเกรงกลัวต่อการกระทำความผิด ส่งผลให้มาตรการป้องกันอุบัติภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ในระหว่างการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลและ คสช. จะออกคำสั่ง ตามมาตรา 44 ให้มาตรการต่างๆ เพื่อสามารถใช้บังคับได้ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังพบว่ามีตัวเลขความสูญเสียในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นจำนวนมาก จึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมวินัยจราจรและลดความสูญเสีย เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกระทรวงคมนาคมกับตำรวจ เพื่อป้องกันผู้ขับขี่ไม่จ่ายค่าปรับ รวมถึงการกำหนดโทษรถตู้ ที่บรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน จะมีการเพิ่มโทษให้เกิดความเหมาะสม

 

นายกฯกำชับครม.นำแนวทางพระราชทานเป็นหลักทำงาน

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปรารภให้คณะรัฐมนตรีน้อมนำกระแสพระราชดำรัส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานพรในช่วงเทศกาลปีใหม่ ให้คนไทย ยึดความมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร สมัครสมานสามัคคี และนำความรู้ ความสามารถ ผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้ โดยอยากให้คนไทยรักษาคุณสมบัติดังกล่าวในการคิด และแก้ไขทุกปัญหาจากความเป็นจริง โดยปราศจากอคติ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับคณะรัฐมนตรีให้รับแนวทางพระราชทานมาเป็นหลักในการทำงานการดำเนินชีวิต เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

 

นายกฯสั่งจัดลำดับเรื่องเร่งด่วนปฏิรูป-ปรองดอง

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการเรื่องปฏิรูปประเทศ ว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการจัดลำดับความสำคัญในเรื่องเร่งด่วน ซึ่งอาจทำให้สังคมไม่ทราบ ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จึงมีแนวคิดให้จัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูป ระยะที่ 2 โดยให้ทำเรื่องความปรองดองด้วยโดยมี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขาฯ พิจารณาดูว่ามีเรื่องใดที่สำคัญหรือเร่งด่วน ทั้งการปฏิรูป การปรองดองและเรื่องยุทธศาสตร์ และหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องบ้าง และจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 หรือไม่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่ารูปแบบนี้หรือรูปแบบเก่า จะได้ผลดีกว่ากัน และมีผลออกมาเป็นรูปธรรมก่อนที่ทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วเสร็จ