ศาลเยาวชนสั่งคุ้มเด็กลี้ภัยชาวโซมาเลีย

ศาลเยาวชนเชียงราย มีคำสั่งคุ้มครองผู้ลี้ภัยเด็กชาวโซมาเลีย ชี้การกระทำไม่เป็นภัยร้ายแรง พร้อมให้ปฏิบัติตามแผนบำบัดฟื้นฟู 1 ปี
ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงราย ได้มีคำสั่งคุ้มครองสิทธิผู้ลี้ภัยเด็กชาวโซมาเลียโดยใช้มาตรการพิเศษสำหรับเด็ก ตามมาตรา 132 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 โดยให้คุ้มครองและมีแผนบำบัดฟื้นฟู ซึ่งถือเป็นคดีแรกที่ผู้ลี้ภัยเด็กได้รับการคุ้มครองสิทธิเด็ก ภายใต้กฎหมายภายในประเทศและกระบวนการยุติธรรมในศาลเยาวชนและครอบครัว
นายโมฮัมหมัด (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี สัญชาติโซมาเลีย ผู้ลี้ภัยเด็กที่ได้รับสถานภาพผู้ลี้ภัยแล้ว เนื่องจากหลบหนีจากการถูกเกณฑ์เข้าไปเป็นทหารเด็กในกองกำลังติดอาวุธในประเทศโซมาเลียโดยเข้ามาในประเทศไทยในขณะที่อายุเพียง 13 ปี ถูกอัยการฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงราย ด้วย
ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2523 โดยศาลพิเคราห์แล้วเห็นว่า "พฤติการณ์ของจำเลยในการกระทำความผิดไม่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมเกินสมควร ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุยังน้อยและกระทำไปโดยความจำเป็น ประกอบกับปัจจุบันจำเลยได้รับการรับรองจากสำนักงาน
ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติว่ามีสถานภาพผู้ลี้ภัยและอยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อขอตั้งรกรากถิ่นฐานในประเทศที่สาม ตามพฤติการณ์แห่งคดียัง
ไม่สมควรจะมีคำพิพากษา" และศาลมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามแผนบำบัดฟื้นฟูโดยมีกำหนดระยะเวลาปฏิบัติตามแผน 1 ปี และนัดพร้อมหรือพิจารณาเพื่อ
ยุติคดีหรือยกคดีขึ้นพิพากษาในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
นายโมฮัมหมัด ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกินคาดหมาย เพราะตนเองไม่นึกว่าจะได้รับอิสรภาพ สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ไปเรียนหนังสือ พบเพื่อนๆ และ
ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนได้เช่นเดิม ที่สำคัญที่สุดคือตนเองจะไม่เสี่ยงต่อการถูกจับและดำเนินคดีในประเทศไทยฐานหลบหนีเข้าเมืองอีกต่อไป
ด้าน นางสาวกรวิไล เทพพันธ์กุลงาม ที่ปรึกษากฎหมายของนายโมฮัมหมัดเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายคนเข้าเมือง รวมทั้งให้อัยการและตำรวจกำหนดแนว
ปฏิบัติที่ชัดเจนในการให้หลักประกันทางกฎหมายที่จำเป็นกับผู้ลี้ภัยเด็ก