อนันต์แจงออกแบบจัดสร้างพระเมรุมาศ

อธิบดีกรมศิลปากร แจง ออกแบบจัดสร้างพระเมรุมาศ ยัน จัดสร้างอย่างสมพระเกียรติ ตามหลักโบราณราชประเพณี
นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงการออกแบบจัดสร้างพระเมรุมาศ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ว่า การออกแบบพระเมรุมาศ ใช้หลักคิด 3 ประการ คือ 1.ออกแบบ และจัดสร้างพระเมรุมาศ อย่างสมพระเกียรติ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 2.ศึกษาและออกแบบตามหลักโบราณราชประเพณีการสร้างพระเมรุมาศ ของพระมหากษัตริย์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และ 3.ออกแบบโดยใช้แนวคิดคติไตรภูมิตามคัมภีร์พุทธศาสนา และคติความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์ ในสถานะเสมือนสมมติเทพตามระบบเทวนิยม
โดยงานสถาปัตย์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาคารในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประกอบด้วย พระเมรุมาศ เป็นประธานในมณฑลพิธีออกแบบโดยยึดถือคติตามโบราณราชประเพณี รูปแบบเฉพาะสำหรับพระมหากษัตริย์ เป็นพระเมรุมาศ ทรงบุษบก สูง 50.49 เมตร มีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 60 เมตร บันไดฐานยกสูง 3 ชั้น ซึ่งมุมทั้งสี่ประกอบด้วย ช่างทรงบุษบกชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น สำหรับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมฐานชั้นที่ 2 ประกอบด้วย ซุ้มทรงบุษบก รูปแบบเดียวกัน รวมสิ่งก่อสร้างมีเครื่องยอดรวม 9 ยอด โดยยอดกลางจะเปรียบเหมือนเป็นเขาพระสุเมรุ และอีก 8 ยอด เป็นเหมือนยอดเขาสัตตบริภัณฑ์ ซึ่งเปรียบเป็นระบบจักรวาล โดยเปรียบพระมหากษัตริย์เป็นเหมือนสมมติเทพ
ทั้งนี้ มีเสาโครงเป็นครุฑ และสัตว์หิมพานต์ ซึ่งเปรียบครุฑเป็นพาหนะพระนารายณ์ มีความเชื่อตามสมมติเทพว่า พระมหากษัตริย์ เป็นพระนารายณ์อวตารลงมา
นอกจากนี้ ยังมีพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวยกฐานสูง ขนาดกว้าง 44.50 เมตร ยาว 155 เมตร ซึ่งเป็นที่ประทับ และบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธี รอบรับได้ประมาณ 2,800 ที่นั่ง ขณะเดียวกัน ยังศาลาลูกขุน ใช้เป็นที่เฝ้าของข้าราชการ และทับเกษตรให้เป็นที่พักข้าราชการที่มาร่วมในพระราชพิธี และทิม สำหรับเจ้าพนักงาน พระสงฆ์ แพทย์ หลวงพัก รวมถึงจะมีการออกแบบกลุ่มอาคารนอกมณฑลพิธี และออกแบบภูมิทัศน์ โดยรอบซึ่งจะมีการจำลองโครงการพระราชดำริ และสร้างสระน้ำจำลองกังหันชัยพัฒนา และเครื่องดันน้ำ ซึ่งพื้นที่บริเวณพระราชพิธีจะสามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 7,400 คน
ขณะที่การจัดสร้างพระโกศจันทน์ ได้จัดสร้างเสร็จแล้ว เหลือเพียงการจัดสร้างพระโกศพระบรมอัฐิ จำนวน 6 พระโกศ ประกอบด้วย พระโกศหลัก 1 พระโกศ พระโกศรอง 5 พระโกศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและจะนำกราบบังคมทูล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยต่อไป
ส่วนการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ จะมีการบวงสรวงในวันที่ 19 ธ.ค. นี้ ซึ่ง กรมศิลปากร จะดำเนินงานบูรณะ ซ่อมแซม และอนุรักษ์ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และงานตกแต่งประดับส่วนต่างๆ