ศาลยุติธรรม แจงภาพนักโทษชายเซลฟี่ลงเฟซบุ๊ก

ศาลยุติธรรม แจงภาพนักโทษชายเซลฟี่ลงเฟซบุ๊ก อยู่เรือนจำอยุธยา ยืมมือถือตำรวจถ่ายภาพ อ้างใช้ติดต่อญาติ ขณะกรมราชทัณฑ์ ออกแถลงชี้แจง พร้อมสั่งเรือนจำเข้มตรวจผู้ต้องขังอย่างเคร่งครัด
นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า จากการที่ได้มีการเผยแพร่ภาพผู้ต้องขังชาย ถ่ายภาพตนเองในลักษณะสวมโซ่ตรวน นั่งอยู่ในห้องควบคุมของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมแคปชั่น "สุดท้ายและต้องอยู่คนเดียว" โดยได้มีการแชร์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ Black Hat ซึ่งมีข้อความกับว่า "ที่นี่ฟรี WiFi ป่ะครับ" จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึง ประเด็นนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว
ในเรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า ผู้ต้องขังชายดังกล่าว ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี ก่อนถูกย้ายมาที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งวันที่ 4 สิงหาคม 2559 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีหมายเบิกตัวผู้ต้องขังชายคนดังกล่าวมาเป็นพยานจำเลยในคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และได้ยืมโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาใช้ในการถ่ายภาพและเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กตามที่เป็นข่าว โดยอ้างว่าใช้ติดต่อญาติและทนายความเพื่อทำเรื่องขอประกันตัว
โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวต่อไปว่า ทันทีที่ทราบข่าว นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม มีดำริให้ดำเนินการตรวจสอบถึงที่มาของภาพ ว่าเป็นห้องควบคุมของศาลใด จนได้ข้อมูลว่าเป็นห้องควบคุมของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงประสานไปยังผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสอบถาม จนได้ข้อเท็จจริงดังกล่าว และขณะนี้ทางศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้วางมาตรการในการแก้ไขปัญหา โดยจัดวางระบบการเยี่ยมผู้ต้องขัง ให้เป็นไปตามระเบียบและคำสั่งโดยเคร่งครัด
ด้าน กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ออกแถลงข้อเท็จจริง กรณีนักโทษใช้โทรศัพท์ขณะถูกควบคุมตัวขึ้นศาล ว่า ตามที่ปรากฏในสื่อโซเซียล เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 59 ว่ามีนักโทษโพสต์รูปตัวเองในห้องขัง พร้อมแคปชั่น "สุดท้ายต้องอยู่คนเดียว" มีการตั้งคำถามว่าสามารถทำได้หรือไม่นั้น กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานข้อเท็จจริงจากเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเรือนจำฯ ที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังรายนี้ว่า
ผู้ต้องขังที่เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กถูกกล่าวถึง ได้ถูกนำตัวออกไปศาล เพื่อเป็นพยานในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นคดีของผู้ต้องหาคนอื่น และในขณะที่ถูกควบคุมตัว อยู่ในบริเวณใต้ถุนศาล ได้มีพี่ชายมาขอเยี่ยมที่หน้าห้องควบคุมของศาล และได้มีการถ่ายรูปของผู้ต้องขังไว้ โดยผู้ต้องขัง ให้ข้อมูลว่า พี่ชายมีรหัสผ่านและสามารถเข้าใช้เฟซบุ๊กในชื่อของตนได้ ซึ่งรูปดังกล่าวถ่ายจากภายในบริเวณห้องควบคุมใต้ถุนศาล และข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นผู้โพสต์รูป ข้อความดังกล่าวเองแต่อย่างใด
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ กรณีการควบคุมตัวผู้ต้องขังไปขึ้นศาล โดย กรมราชทัณฑ์ได้มีข้อตกลงร่วมกับตำรวจในการควบคุมจำเลย หรือผู้ต้องขังไปศาลในส่วนภูธรเรือนจำและทัณฑสถาน จะดำเนินการมอบตัวจำเลยหรือผู้ต้องขังให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ ในการควบคุมผู้ต้องขังไปกลับศาล
เนื่องจากกรมราชทัณฑ์มีกำลังพลไม่เพียงพอ ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ได้สั่งการให้เรือนจำเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจค้นผู้ต้องขังที่กลับจากศาลตามระเบียบโดยเคร่งครัดแล้ว ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง