ศานิตย์ขีดเส้นตายจับคนร้ายทุบลูกอดีตรมช.ศธ.
รรท.ผบช.น. ขีดเส้นตำรวจท้องที่ เร่งล่าตัวคนร้ายก่อเหตุทำร้ายบุตรสาวอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นางสาวสฤตาพร สันติเมทนีดล บุตรสาวอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และชิงทรัพย์ในพื้นที่ สน.บางรัก เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นหน้าคนร้ายชัดเจน แต่การสืบสวนขณะนี้ยังไม่รู้ทราบตัวบุคคลที่ชัดเจน โดยยังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบ พร้อมนำภาพถ่ายเปรียบเทียบกับประวัติอาชญากรแต่ยังไม่พบเบาะแส และหลังจากมีการเผยแพร่ภาพของคนร้ายผ่านสื่อมวลชนและสังคมออนไลน์ก็ยังไม่ได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชน
โดย พล.ต.ต.ศานิตย์ ยังเปิดเผยว่า ได้กำชับให้ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้าย มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ซึ่งมีการขีดเส้นเวลาการดำเนินการไปแล้ว และเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการติดตามจับกุม หากสามารถสืบสวน สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ส่วนกรณีที่คดีเกิดเหตุมากว่า 2 เดือน ไม่ถือเป็นอุปสรรคในการติดตามตัว พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือ หากผู้ใดพบเห็นหรือมีข้อมูลสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
ศานิตย์เผยไม่ได้ดูถูกนายตร.อายุ53คุมด่าน
พลตำรวจตรี ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งห้ามนายร้อยตำรวจ 53 ปี ตั้งด่าน และไม่ให้เป็นหัวหน้าจุดตรวจ เพื่อป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์นั้น ว่า ส่วนตัวไม่ได้มีเจตนากล่าวให้ร้ายใคร ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนมีประสบการณ์ อย่านำเรื่องเล็กน้อยมาทำเป็นเรื่องใหญ่ โดยเชื่อว่านายร้อยตำรวจ 53 ปี ส่วนใหญ่ก็เป็นคนดี แต่ก็มีส่วนน้อยที่อาจทำให้กระทบภาพลักษณ์ และส่วนตัวเห็นว่าการที่มีผู้บังคับบัญชา เป็นผู้ลงไปควบคุมดูแลการตั้งด่านตรวจจะทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดน้อยลง พร้อมขออภัยหากตัวเองทำให้ตำรวจไม่สบายใจ
โดย พลตำรวจตรี ศานิตย์ ยืนยันว่า ในสมัยที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างเด็ดขาด และตำรวจทุกคนจะต้องแข่งขันในการทำความดี ส่วนที่ตัวเองลงพื้นที่ตรวจสถานีตำรวจต่างๆ ไม่ใช่การจับผิด แต่เป็นการเข้าไปให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ พร้อมนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในแต่ละสถานีตำรวจมาปรับใช้ร่วมกันทั้ง 88 สถานีตำรวจ ทั่วกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ พลตำรวจตรี ศานิตย์ ระบุว่า เตรียมนำโครงการบ้านสีขาวมาใช้ เพื่อให้ตำรวจลงพื้นที่พบปะประชาชน และกำชับให้ตำรวจแต่ละสถานี ติดตั้งป้ายในพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัด ว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจใด และมีชื่อตำรวจพร้อมเบอร์โทรศัพท์ ให้ประชาชนสามารถติดต่อหรือแจ้งเหตุได้ด้วย