นายกแจงUNย้ำไทยยึดหลักพอเพียง-ร่างรธน.ให้ปชช.ร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงเวที UN บริหารประเทศมุ่งเน้นพลิกฟื้นสันติสุข ลดเหลื่อมล้ำ ปฏิรูปครบวงจร ร่าง รธน.ใหม่สอดคล้องบริบทประเทศ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วมประชุมเต็มคณะของ สมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 (UN Summit) รับฟังปราศรัยโดยสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส หลังจากนายกฯ จะเข้าร่วมประชุมเพื่อรับรองร่างเอกสารที่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติได้มีฉันทามติ ที่เน้นการเปลี่ยนแปลงโลกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2030 ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมว่า การเข้ามาบริหารประเทศในช่วงแรก ได้มุ่งเน้นในการพลิกฟื้นสันติสุข สร้างความสามัคคี ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาเร่งด่วนทางสังคม วางแผนการปฏิรูปอย่างครบวงจร ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศในระหว่างปี ค.ศ.2015-2020 ว่า "ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคง ประชาคมยั่งยืน"
ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาล รับผิดชอบในการสร้างกรอบกติกาให้ทุกคนเท่าเทียมกัน และได้รับการคุ้มครองทางกระบวนการยุติธรรม ส่วนการพัฒนาประเทศได้รับแรงบันดาลใจจากแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เติบโตอย่างยั่งยืนบนหลักของความพอประมาณ เพื่อเอาชนะความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก ตลอดจนอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังจากนายกรัฐมนตรี จบการประชุมผู้นำ เพื่อรับรองร่างเอกสารที่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ได้มีฉันทามติ ที่เน้นการเปลี่ยนแปลงโลกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าร่วมประชุม การขจัดความยากจนและความหิวโหย โดยได้กล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยระบุ ไทยมีหลักคิดสำคัญ ที่สามารถผ่านปัญหาต่าง ๆ มาได้คือ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสนี้ รัฐบาลได้มีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาจัดนิทรรศการ เพื่อให้ผู้นำ และผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ มีโอกาสศึกษา ทำความเข้าใจถึงหลักแนวคิดดังกล่าวอย่างแท้จริงด้วย
พร้อมกันนี้ พล.ต.วีรชน ยังกล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้พบปะหารือกับสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นองค์กรที่สำคัญในการขับเคลื่อนการการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐ ซึ่งการพบปะครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นของธุรกิจสหรัฐที่มีต่อประเทศไทยด้วย