นายกรอแจงUNไทยแก้ศก.ยึดพอเพียงยันเป็นสิทธิชุมนุมต้าน

นายกรอแจงUNไทยแก้ศก.ยึดพอเพียงยันเป็นสิทธิชุมนุมต้าน

นายกรอแจงUNไทยแก้ศก.ยึดพอเพียงยันเป็นสิทธิชุมนุมต้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี รอแจง UN ไทยแก้เศรษฐกิจตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยัน เป็นสิทธิ ชุมนุมต้าน ขออย่าทำลายชื่อเสียงประเทศ ย้ำมุ่ง ประชาธิปไตย

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ในระหว่างวันที่ 24-30 กันยายนนี้ เดินทางมาปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในโอกาสนี้ จะกล่าวถ้อยแถลงย้ำเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่จะร่วมมือกับสหประชาชาติเพื่อรักษา 3 เสาหลักของการพัฒนา โดยจะเสนอประสบการณ์ของไทยในการขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ และมีอัตราการว่างงานน้อยที่สุด มุ่งไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมถือเป็นโอกาสสำคัญครั้งนี้ อธิบายให้กับผู้นำประเทศทั่วโลก ได้เข้าใจและทราบถึงหลักการตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนจะเข้าร่วมการหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการดำเนินการเพื่อความเสมอภาคเท่าเทียมและการเพิ่มบทบาทสตรี รวมถึง จะชี้แจงเพื่อให้รับทราบแนวทางการประกอบธุรกิจการลงทุนในประเทศไทยว่า เราดำเนินการส่งเสริมในทิศทางใดบ้างด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงกรณีที่จะมีคนออกมาชุมนุมต่อต้าน ในระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจร่วมประชุม UN ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็ขอร้องว่าในการเดินทางไปครั้งนี้นั้น ไม่ได้ไปในฐานะส่วนบุคคลแต่เป็นตัวแทนของประเทศ อะไรก็ตามที่จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศขออย่าทำส่วนกลุ่มที่จะออกมาให้กำลังใจ ก็ขอบคุณ แต่ขอให้ตระหนักถึงหน้าเป็นตา ภาพพจน์ของประเทศปฏิบัติตามกฎระเบียบ ตามกฎหมาย มีสติควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้เกิดมีการกระทบกระทั่งกับกลุ่มที่เห็นต่าง

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการเปิดเวทีจุดประกาย “สานพลังประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก” เพื่อประกาศการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ” ในการวางเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นการรวมพลังทุกภาคส่วน ภาคประชาชนภาคธุรกิจ หรือภาครัฐ ทุกคนก็คือประชาชนของชาติ ที่เรียกว่าประชารัฐ ที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับประชาชน แต่ประชานิยมที่มีประโยชน์คิดว่าก็ยังมีอยู่ แต่ต้องไม่สร้างภาระมากมาย และสามารถดำเนินการต่อไปได้โดยการดำเนินการต่าง ๆ รัฐบาลจะเป็นผู้อำนวยความสะดวก สนับสนุน เปิดช่องทางให้เอกชน ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมตามกระบวนการประชาธิปไตย เชื่อว่าหากรัฐบาล มีธรรมาภิบาล ประชาชนกับรัฐบาลก็จะร่วมมือกันทำงาน ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการแบ่งประชาชนออกเป็นกลุ่มอย่างที่เคยมีมาในอดีต รัฐบาลนี้ตั้งใจมั่นในการที่จะดูแลและห่วงใยทุกคน คนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ รัฐบาล คสช. คาดหวังที่จะอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการที่เราเป็น “ประชารัฐ” ซึ่งประชาชนกับรัฐบาลร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ทำให้บ้านเมืองก้าวหน้าไปอย่าง “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ต่อไป

ส่วนเรื่องการขับเคลื่อนประเทศ หลังจากนี้ รัฐบาลได้ผนวก 11 ประเด็นปฏิรูปของ คสช. เข้ากับ ข้อเสนอเดิมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 36 ประเด็นปฏิรูป กับอีก 7 ประเด็นพัฒนา รวมทั้งนโยบายใหม่ ๆ ของรัฐบาลเป็นแนวทางบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อจะเป็นเข็มทิศการเดินหน้าประเทศ ซึ่งจะยึดกรอบแนวคิดและหลักการในการวางแผนที่สำคัญ คือ  การน้อมนำ ประยุกต์หลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง,ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา อย่างมีส่วนร่วม,สนับสนุนและส่งเสริมแนวคิดการปฏิรูปประเทศ และการพัฒนาสู่วิสัยทัศน์ของประเทศ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสภาพลมฟ้าอากาศช่วงปลายฤดูฝน ยังคงมีความไม่แน่นอน อาจมีพายุเข้ามาได้ตลอดเวลา ขอให้ประชาชน ติดตามการแจ้งเตือนวาตภัย อุทกภัย จากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด และได้กำชับสั่งการ ให้หน่วยงานของรัฐ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์จากภัยธรรมชาติ รูปแบบต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเตือนร้อนของประชาชนได้อย่างทันท่วงทีด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วงเกษตรกร อยากให้ติดตามการแจ้งเตือนของเจ้าหน้าที่ ระมัดระวังในเรื่องของการใช้น้ำ เพาะปลูกพืชตามคำแนะนำ และในกรณีที่มีน้ำต้นทุนที่ค่อนข้างจำกัด รัฐบาลก็จะพยายามแก้ไขปัญหาให้ได้ในทุกมิติ 






แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook