INN ชี้แจง Lets go Singaporeกรุ๊ปทัวร์ไร้ปัญหา

ขออภัย ตามที่ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ได้นำเสนอข่าว “ผู้โดยสารชาวไทยกว่า 200 คนติดค้างสนามบิน ชางฮี สิงคโปร์ หลังสายการบิน Jetstar ถูกยกเลิก โดยไม่มีเหตุผล” ตามที่ได้นำเสนอไปนั้น ข่าวดังกล่าว มีความคลาดเคลื่อนและ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งทางกองบรรณาธิการ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. จึงขออภัยผู้ดำเนินการ Let's go Singapore และสายการบิน Jetstar มา ณ โอกาสนี้และจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดยทางกองบรรณาธิการ ได้ทำการนำเสนอข่าวการชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องดังกล่าว มา ณ โอกาสนี้ด้วย

กองบรรณาธิการ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.

จากกรณีที่ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ได้นำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อน เกี่ยวเรื่องร้องเรียนนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่ใช้บริการทัวร์ ของ Let's go Singapore ว่า ต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน เดินทางจากประเทศสิงคโปร์ กลับประเทศไทย เอง เพราะไม่มีเครื่องบินไปรับ และทางบริษัททัวร์ ไม่ชี้แจงเหตุผล  โดยที่ข้อความดังไม่เป็นความจริง สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ได้สอบถามไปยังผู้ดำเนินการจัดทัวร์ Let's go Singapore ได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมหลักฐานประกอบเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่มีการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อน ว่า

ในเรื่องแรก ที่มีการกล่าวหาว่า ผู้โดยสารชาวไทย 200 คนไทย ตกค้างที่สนามบินชางฮี ของสิงคโปร์ เนื่องจาก สายการบินของ Jetstarจากสุวรรณภูมิถูกยกเลิก นั้น ในเรื่องนี้ ทางสายการบิน Jetstarชี้แจงว่า ในวันเดินทางกลับ คือ วันที่ 24 ส.ค. 2558 มีการแจ้งด้วยเอกสารที่สนามบินว่าด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้ ทางสายการบิน คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยได้แจ้งกับลูกค้าที่ซื้อตั๋วเครื่องบินโดยตรงกับสายการบิน (FIT) และลูกค้าที่ซื้อตั๋วเครื่องบินแบบหมู่คณะ  โดยตรงทั้งทาง E-mail และ SMS ว่า เครื่องบินดีเลย์  และทางสนามบินชางฮี ก็ประกาศแจ้งให้กับผู้โดยสารที่จะเดินทางด้วยสายการบินในไฟลท์นั้นได้ทราบ รวมถึง หัวหน้ากรุ๊ปทัวร์ของ Let's go Singapore ก็ได้นำเอกสารแจ้งปัญหาด้านสภาพอากาศที่ทำให้เที่ยวบินดีเลย์ ให้กับ คณะทัวร์ ทั้ง 21 คน ทราบแล้ว

ส่วนเครื่องบินของ Jetstar นั้น เป็นเครื่อง Airbus A320 สามารถให้บริการผู้โดยสารได้180 ที่นั่ง  ดังนั้น ข้อความที่ มีการนำเสนอว่า 200 คนไทย ที่ต้องโดยสารมากับสายการบินของ Jetstar นั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ และ ผู้โดยสารทั้งคณะทัวร์ ส่วนหนึ่ง รวมทั้งชาวสิงคโปร์ และคนไทย ที่จะเดินทางในเที่ยวบินนั้น มีจำนวนประมาณ  80 ท่าน

ส่วนกรณี ที่มีการกล่าวอ้างเกี่ยวกับลูกค้าของทัวร์ Let's go Singapore ไม่พอใจหัวหน้าไกด์  ที่ไม่ชี้แจงเหตุผลเกี่ยวกับสาเหตุของการดีเลย์ของสายการบิน และลูกค้าต่อว่าไกด์  และต้องซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเอง นั้น ทางผู้ดำเนินการ Let's go Singapore ชี้แจงในประเด็นนี้ โดยระบุว่า มีการชี้แจงทั้งเอกสารที่แจกให้กับลูกค้าทุกคน และทางสนามบิน ก็ประกาศเกี่ยวกับสภาพอากาศ ที่ทำให้เที่ยวบินล่าช้าไป และเจ้าหน้าที่สายการบิน Jetstar มีการแจ้งการเดินทางกลับที่แน่นอน คือ เวลา 07.30 (เวลาท้องถิ่น) ของวันรุ่งขึ้นแล้ว โดยทางไกด์ ก็ได้แจ้งกับคณะทัวร์ ในเบื้องต้น ให้รออยู่ที่พักผู้โดยสาร ส่วนทางไกด์ก็ได้ไปประสานงานกับทางสนามบินชางฮี เพื่อสอบถามถึงการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป อาทิ ห้องพัก พร้อมอาหาร เพื่อนำข้อมูล มาแจ้งให้กับลูกค้า แต่คาดว่า ลูกค้าบางคน อาจเกิดความไม่พอใจ ที่เครื่องดีเลย์ จึงตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย เดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน FD352  ทั้งที่ ทางไกด์เองก็มีการพูดคุยขอให้รอเครื่องของ Jetstar ก่อน แต่เมื่อลูกทัวร์ทั้งหมด ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วจึงเดินทางกลับพร้อมกับลูกทัวร์ ทั้ง 21 คน ด้วยเช่นกัน และเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทย ทางหัวหน้าทัวร์ได้เก็บรวบรวมใบเสร็จการซื้อตั๋วเครื่องบินของลูกค้าทั้งหมด โดยนำไปเคลมกับสายการบิน Jetstar อีกครั้ง เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อลูกค้า


สำหรับการกล่าวอ้างคำพูดของไกด์ท้องถิ่นในเรื่องตั๋วเครื่องบินนั้น สายการบินแจ้งว่า หากผู้โดยสารไม่มีตั๋วเครื่องบินไป – กลับแล้วนั้น  ผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางไปสิงคโปร์ได้อย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นผู้ดำเนินการจัดทัวร์ Let's go Singapore  ได้มีการนำหลักฐานการชำระเงิน พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับของคณะเดินทาง พร้อมเอกสารรับรองว่าได้ทำการออกตั๋วเครื่องบินไปแล้วอย่างแน่นอนมาแสดง ทั้งนี้ทางผู้ดำเนินการจัดทัวร์ Let's go Singapore ได้มีการจัดจำหน่ายตั๋วในรูปแบบทัวร์ กับทางสายการบิน Jetstarในเส้นทางสิงคโปร์ และเส้นทางอื่นๆ มากว่า 2 ปีแล้ว  

อย่างไรก็ตาม ข่าวที่นำเสนอไปนั้น ไม่มีข้อเท็จจริง สร้างความเสียหาย ให้กับ ผู้ดำเนินการ Let's go Singapore และสายการบิน Jetstar ดังกล่าวทางสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และจะปรับปรุงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป