กรมชลฯรายงานน้ำในเขื่อนหลักน้ำไหลเข้าเริ่มดีขึ้น

ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักล่าสุด เริ่มดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด ( 25 ส.ค. 58) เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 4,325 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 525 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงอ่างฯ (24 ส.ค.) 15.74 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 3,784 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 934 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงอ่างฯ (24 ส.ค.) 25.08 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ 9.11 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยฯ จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 228 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 185 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงอ่างฯ (24 ส.ค.) 3.67 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 118 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 115 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ1 ล้านลูกบาศก์เมตร (ไม่มีน้ำไหลลงอ่างฯ) รวม 4 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งสิ้น 1,759 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีการระบายน้ำรวมกันประมาณวันละ 16 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานการณ์น้ำในเขื่อนหลัก 4 แห่ง ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังคงมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่มากนักซึ่งกรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะเน้นเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะสิ้นฤดูฝนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยคาดว่า ปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันทั้ง 4 แห่ง เมื่อสิ้นสุดฤดูฝนเดือนตุลาคมนี้ จะมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ จำนวน 3,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศในช่วงฤดูแล้งหน้า