นายกฯเร่งล่ามือบึ้มอัดโหดเหี้ยมทำลายปท.แนะมีสติ

นายกฯเร่งล่ามือบึ้มอัดโหดเหี้ยมทำลายปท.แนะมีสติ

นายกฯเร่งล่ามือบึ้มอัดโหดเหี้ยมทำลายปท.แนะมีสติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี เร่งล่ามือวางระเบิดแยกราชประสงค์ ขอประชาชนเผยแพร่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศเพื่อเป็นกำลังใจให้คนไทย หากพบสิ่งผิดปกติรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เผยโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะทาง 873 กม. เริ่มสร้าง ธ.ค.58 ปลื้ม กอช.ประชาชนตอบรับดี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นการกระทำของผู้ที่มีจิตใจโหดเหี้ยม ไร้คุณธรรมที่ต้องการสร้างความหวาดกลัว ทำลายความสงบสุขของประชาชนและภาพลักษณ์ของประเทศ ตนเองขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย โดยรัฐบาลยืนยันจะเร่งดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและขบวนการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนใช้วิจารณญาณในการส่งต่อข่าวสารข้อมูล รูปภาพ ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพความเสียหายในสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งภาพผู้ได้รับบาดเจ็บ สูญเสีย เพราะนอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานแล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติ หรือซ้ำเติมกับบุคคลเหล่านั้นอีกด้วย

ทั้งนี้ สิ่งที่ทุกคนควรทำในตอนนี้ คือ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ เผยแพร่สิ่งที่ดีงามของประเทศเพื่อเป็นกำลังใจให้คนไทยด้วย และสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ หยุด หรือเลิกเผยแพร่ข่าวที่ทำให้เกิดความสับสน ตื่นตระหนก หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือผู้มีพิรุธ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่าในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ โดยพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้บาดเจ็บ ในส่วนที่ไม่สามารถเบิกตามสิทธิ์ได้ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี เชิญดอกไม้พระราชทานไปมอบให้แก่ผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

สำหรับผู้เสียชีวิตชาวไทยทรงพระราชทานค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีศพ รายละ 90,000 บาท และชาวต่างประเทศที่บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เอกอัครราชทูตนำพระราชสาส์นแสดงความเสียใจ และดอกไม้ส่วนพระองค์ไปมอบให้

อย่างไรก็ตาม ตนเองและรัฐบาลขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่ทุกภาคส่วน และขอบคุณประชาชนทุกคนที่ได้แสดงออกถึงความรักสามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมิตรจากต่างประเทศต้องการความช่วยเหลือไทยในครั้งนี้


ประยุทธ์เร่งปราบโกงกำจัดสนิมเนื้อในกัดกินปท.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ ตอนหนึ่งถึงการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งผลการดำเนินงานจนถึงปัจจุบันเป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะจากผลการสำรวจ ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปีที่แล้ว สะท้อนว่าการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศ มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น และดีที่สุดในรอบ 6 ปี สามารถช่วยให้รัฐบาลลดการสูญเสียเงินไปกับการคอร์รัปชั่นได้เกือบ 2 แสนล้านบาท โดยเม็ดเงินงบประมาณในโครงการต่าง ๆ ถึงมือประชาชนโดยตรง ไม่ผ่านขบวนการคอร์รัปชั่น สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีประสิทธิภาพสูงสุด และคุ้มค่ามากที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ปล่อยปละละเลยกับปัญหานี้มานาน ประชาชนเคยชินกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่มีความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีการปรับปรุงกฎระเบียบให้รัดกุม ไม่มีกลไกในการกำกับดูแลกิจการ, การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้มีการให้สินบน สินน้ำใจ ของกำนัล รางวัลต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ในภายหลัง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ก็เป็นปัญหาที่ทำลายชาติ ทำร้ายประชาชน ทำให้ประเทศไม่สามารถพัฒนาได้เท่าที่ควร ดังนั้น รัฐบาลยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อต้านการคอร์รัปชั่นต่อไป เพื่อกำจัด “สนิมเนื้อใน” ที่กัดกินประเทศ ในช่วงนับ 10 ปีที่ผ่านมาให้ได้



รถไฟความเร็วสูงไทย-จีนสร้างธ.ค.58

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ ตอนหนึ่งถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ว่า โครงการรถไฟความเร็วปานกลางไทย-จีน 160-180 กม./ช.ม. ระยะทาง 873 กม. ที่แบ่งการก่อสร้างเป็น 4 ช่วง คือ กรุงเทพฯ-แก่งคอย 133 กม., แก่งคอย-มาบตาพุด 246.5 กม., แก่งคอย-นครราชสีมา 138.5 กม. และนครราชสีมา-หนองคาย 355 กม. จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปีครึ่ง โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ก่อน ภายในเดือนธันวาคม 2558 นี้

ขณะที่ผลการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-จีน ครั้งที่ 6 นครเฉิงตู ประเทศจีน สรุปสาระสำคัญด้านต่าง ๆ ได้ดังนี้ (1) ด้านการลงทุน เป็นการร่วมลงทุนของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ในลักษณะ Special Purpose Vehicle (SPV) ฝ่ายไทย ถือหุ้นร้อยละ 60 ฝ่ายจีนถือหุ้นร้อยละ 40 ทั้งนี้ มีการประมาณการณ์ว่า จะมีการตอบแทนทางเศรษฐกิจในภาพรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 14.99 (2) สำหรับด้านงานก่อสร้าง จะใช้สัญญาก่อสร้างแบบ Engineering Procurement Construction (EPC) ฝ่ายจีนรับผิดชอบด้านการสำรวจออกแบบก่อสร้าง ฝ่ายไทยเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบแบบ ราคาก่อสร้าง และความเหมาะสมของราคา ก่อนจะมีการลงนามในสัญญางานก่อสร้างทั้งหมด (3) ด้านการลงทุนงานโยธา ฝ่ายไทยจะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุนเอง ดำเนินการคัดเลือกผู้รับจ้างไทยก่อสร้างเองในงานชั้นฐานที่เป็นทางราบ อาคาร ส่วนงานเจาะอุโมงค์ งานก่อสร้างชั้นฐานทางไหล่เขา ฝ่ายจีนจะเป็นผู้ดำเนินการงานระบบ อาณัติสัญญาณ งานจัดหาและติดตั้งตัวรถ ตลอดจนอุปกรณ์เดินรถและซ่อมบำรุง


นายกฯ ให้ความสำคัญเอสเอ็มอี-ปลื้มกอช.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ตอนหนึ่งถึงนโยบายสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ SME ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกันเรื่องนี้ โดยมีความคืบหน้าตามลำดับทั้งกฎหมาย, การจัดกลุ่ม SMEs, การจัดหากองทุน, การให้ความรู้ แมชชิ่งต่าง ๆ ทั้งหมด แล้วก็เริ่มให้มีตลาดกลางของชุมชนในท้องถิ่น ตามโมเดลของ “ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม” ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยได้ขยายผลไปสู่การจัด “ตลาด 4 มุมเมือง” ที่ ปากเกร็ด กรมชลประทาน จ.นนทบุรี, จุดที่ 2 คือ อ.ต.ก. สุวรรณภูมิ, จุดที่ 3 คลองหลวง สำนักงานสหกรณ์จังหวัดปทุมธานี และจุดที่ 4 ถนนอุทยาน เขตทวีวัฒนา ซึ่งได้เปิดโอกาสให้เกษตรกร มีพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายสินค้า นำเสนอสินค้าดีมีคุณภาพให้เป็นที่รู้จัก และสามารถจำหน่ายถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ในราคายุติธรรม รวมทั้งเพื่อส่งเสริมการขายของกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นเวทีแลกเปลี่ยนพบปะระหว่างผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้บริโภค และแหล่งเงินทุน โดยมุ่งหวังให้กิจกรรมดังกล่าว เป็น “ความสุขในการจับจ่าย สินค้าปศุสัตว์ปลอดภัย ใส่ใจผู้บริโภค”


นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ว่า วันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เปิดรับสมัครไป มีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก ซึ่งกองทุนนี้เป็นกองทุนการออม เพื่อผลระยะยาวสำหรับภาคประชาชน ช่วยเหลือประชาชนที่มีอาชีพอิสระ ไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญ ได้สร้างหลักประกันหลังเกษียณของตนเอง โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 25 ล้านคนทั่วประเทศ ส่วนเงื่อนไขการสมัคร สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสินทุกสาขา ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลพยายามทำเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพื่อจะได้มีเงินมาดูแลประชาชน


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook