สมยศตั้ง1ล.นำจับมือบึ้มราชประสงค์-จ่อขอหมายจับ
ตร.ตั้งรางวัลนำจับมือบึ้มราชประสงค์1ล้าน ชี้อาจโยงเหตุที่พารากอน ไม่ยืนยันคนร้ายต่างชาติหรือไม่ ขณะชายโพสต์FBพบปอท.แล้ว ด้าน ประวุฒิ เผย ได้ภาพสเกตช์แล้วจ่อขอหมายจับ นายกฯ เชื่อ มีขบวนการชักใย
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 1 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ให้เบาะแส และให้ข้อมูลจนนำไปสู่การจับตัวผู้ก่อเหตุวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ซึ่งขณะนี้ ยอมรับว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ผู้ก่อเหตุทั้งสองจุด เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจพยานหลักฐานที่เก็บได้ในจุดเกิดเหตุ เพื่อเทียบเคียงกันอีกครั้ง เนื่องจาก ยอมรับว่าอาจมีผู้ไม่หวังดี ต้องการสร้างสถานการณ์เลียนแบบ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ที่ผ่านมาด้วย ส่วนลักษณะของการประกอบระเบิด ยังไม่สามารถระบุกลุ่มผู้กระทำผิดได้
ด้าน ผู้ต้องสงสัยตามภาพจากกล้องวงจรปิด ยังไม่ยืนยันว่า เป็นคนไทย หรือชาวต่างชาติ แต่เชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 1 คน และทราบเส้นทางที่ใช้หลังเกิดเหตุเป็นอย่างดี พร้อมเตือนผู้ก่อเหตุ หากเป็นไปได้ ให้เข้ามอบตัวกับตำรวจ เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูง ที่จะถูกตัดตอนความผิด ส่วนประเด็นการก่อเหตุ ยังคงให้น้ำหนักทุกประเด็น
ส่วนกรณีที่มีบุคคลโพสต์ข้อความลักษณะว่าจะเกิดเหตุรุนแรงล่วงหน้า ผ่านทางเฟซบุ๊ก ขณะนี้ได้เข้าพบ ตำรวจ ปอท. แล้ว เบื้องต้นพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำหลักฐานไปยื่นศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องสงสัย ก่อเหตุระเบิด บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ตามคำบอกเล่าของพยาน ซึ่งเป็นคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่รับตัวผู้ต้องสงสัยไปส่งแล้ว และคล้ายกับบุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ใน 2 ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา/ ทำให้มีการระเบิดจนส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ผบ.ตร.ให้น้ำหนักคนไทยร่วมวางระเบิดราชประสงค์
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจยังเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานติดตามจับกุมคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ทั้งนี้ หากพยานหลักฐานเพียงพอครบถ้วนก็จะมีการออกหมายจับ ส่วนมูลเหตุขณะนี้ยังไม่มีการให้น้ำหนักประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องก่อการร้าย และประเด็นการเมือง และเชื่อว่าการก่อเหตุในครั้งนี้คนร้ายต้องการดิสเครดิต ทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล โดยมองว่าการก่อเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการยกระดับให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากที่ผ่านมามีการก่อเหตุหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง
โดยมีการทำเป็นขบวนการมากกว่า 1 คน มีการแบ่งหน้าที่กันตั้งแต่ดูต้นทาง พาหลบหนี ตลอดจนประกอบระเบิด โดยส่วนตัวเชื่อมีว่าการประกอบระเบิดในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ในส่วนของรถสามล้อเครื่อง และวินรถจักรยานยนต์ที่รับและส่งชายต้องสงสัยตามกล้องวงจรปิด ได้เชิญมาให้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ซึ่งให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และยังไม่พบว่าทั้งสองคนมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด
อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุครั้งนี้จะเป็นชาวต่างชาติหรือไม่นั้น มองว่าหากไม่ใช่คนไทย และเป็นชาวต่างชาติจริง ก็ต้องอยู่ในประเทศไทยมาอย่าง 3 ปี จึงจะรู้สภาพเส้นทางการก่อเหตุและหลบหนีเป็นอย่างดี
ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่มองว่าเป็นความบกพร่องของหน่วยงานใด แต่ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่จะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด
นายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี อุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เดินทางมาวางดอกไม้ เพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต จากเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ พร้อมได้สักการะพระพรหมด้วย โดย อุปทูตสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สหรัฐอเมริกา ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ และขอประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือในทุกรูปแบบ รวมถึงขอแสดงความชื่นชมชาวไทยที่มีความสามัคคี และมีขวัญกำลังใจที่ดีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการสืบสวน สหรัฐอเมริกา มีความยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางการไทยยังไม่ได้มีคำร้องขอให้ช่วยคลี่คลายคดีแต่อย่างใด และทางการสหรัฐอเมริกาเอง ไม่มีข้อมูลทางการข่าวเชิงลึกมากไปกว่าที่รัฐบาลไทยมีอยู่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดขณะนี้ คือ การประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้กำลังใจผู้สูญเสีย โดยสหรัฐฯจะสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป พร้อมระบุว่า โดยส่วนตัวเองพักอาศัยอยู่ใกล้เคียงแยกราชประสงค์ และรู้สึกได้ถึงเหตุระเบิดดังกล่าว จึงรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษ
คุมชายโพสต์เตือนเหตุบึ้ม สอบปากคำที่ ปอท.
ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เชิญ นายพงศ์ภพ บุญสารี อายุ 36 ปี เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน หลังตำรวจพบว่าเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "วิชเวช พรพรหมรักษา" โพสต์ข้อความช่วงกลางดึก เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำนองเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงในระหว่างวันที่ 14-18 สิงหาคม โดยให้ระวังพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อมาได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม และเหตุระเบิดที่สะพานสาทร เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา
นายพงศ์ภพ อ้างว่านำข้อมูลมาจากเพจในเฟซบุ๊กห้องการเมืองห้องหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกกว่า 6 หมื่นคน และมีบุคคลใช้ชื่อว่า "อวตารเคเล่อ" โพสต์ข้อความระบุว่าให้ระวังวันที่ 13-18 สิงหาคม โดยโพสต์เพียง 15 วินาที ก่อนลบข้อความออก ตัวเองจึงคัดลอกข้อความดังกล่าวมาเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูล แต่โพสต์เพื่อให้ระวังกันเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีผู้โพสต์ข้อความในกลุ่มดังกล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั่วไป เหตุการณ์ทางการเมือง รวมถึงเหตุการณ์ทางภาคใต้ แล้วเกิดขึ้นจริงเกินกว่า 3 ครั้ง ส่วนการรับรู้เหตุล่วงหน้า หรือญาณสมาธิของตัวเองนั้นขอให้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนชื่อเฟสบุ๊กนั้นมีที่มาจากท้าวเวสสุวรรณ ไม่มีนัยด้านใด และตัวเองมีเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อภาษาไทยเพียงเฟซบุ๊กเดียว และไม่ได้ปิดเฟซบุ๊กหนี แต่ถูกเพื่อนในเฟซบุ๊กรายงานความไม่เหมาะสมจึงไม่สามารถใช้เฟซบุ๊กได้ และยอมรับว่าตัวเองเป็นแนวร่วมของกลุ่มการเมืองและเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มการเมืองด้วย
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจจะเข้าตรวจค้นบ้านพักและตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของ นายพงศ์ภพ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อตรวจสอบหลักฐานว่าตรงกับที่ นายพงศ์ภพ ให้ข้อมูลไว้หรือไม่ ก่อนขยายผลตรวจสอบกลุ่มการเมืองดังกล่าวเพื่อสืบหาต้นตอของผู้โพสต์ข้อความ และตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดกับ นายพงศ์ภพ เนื่องจากมีการติดต่อกับตำรวจ และไม่มีเจตนาหลบหนี
นายกฯเชื่อเหตระเบิดมีขบวนการชักใย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่ออสเตรเลียให้กำลังใจเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ว่า ตนรู้สึกขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ ส่วนกรณีที่ต่างประเทศจะเข้ามาช่วยเหลือติดตามผู้ก่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ นั้น มองว่าเจ้าหน้าที่ของไทยมีอยู่แล้วต้องให้กำลังใจ ซึ่งต่างประเทศให้คำแนะนำได้แต่ไม่สามารถเข้ามาสอบสวน เพราะเหตุการณ์เกิดในประเทศไทย หากมีความต้องการการช่วยเหลือจะติดต่อประสานงานไปเอง และขณะนี้ยังไม่ให้น้ำหนักเรื่องใดเป็นพิเศษ กำลังรอความคืบหน้า
ส่วนกรณีเหตุระเบิดดังกล่าวเป็นการจ้างวานหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใครจะมาทำเอง หากทำเองทำด้วยสาเหตุอะไร เชื่อว่าต้องมีขบวนการ ส่วนเหตุที่ระเบิดที่ท่าเรือสาทรนั้น ขอให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวน ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาได้เตือนว่า ไม่ให้ใช้คำว่าก่อการร้ายข่าวที่เกี่ยวข้อง ::
'จักรทิพย์'ลั่นล่ามือบึ้มราชประสงค์ให้ได้-เมื่อคืนรปภ.เข้ม
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=639978
ตร.ล่าชายสงสัยบึ้มราชประสงค์-พระพรหมเปิดสักการะ
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=640028