ก.เกษตรฯส่งน้ำลุ่มเจ้าพระยา-ลพบุรีให้สูบเข้านา3วัน

ก.เกษตรฯส่งน้ำลุ่มเจ้าพระยา-ลพบุรีให้สูบเข้านา3วัน

ก.เกษตรฯส่งน้ำลุ่มเจ้าพระยา-ลพบุรีให้สูบเข้านา3วัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รมว.เกษตรฯ ระบุ เริ่มปล่อยน้ำให้ภาคเกษตร ที่ราบลุ่มภาคกลางแล้ว เร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงเพื่อช่วยเหลือได้ทั่วถึง ขณะที่ ชลประทานลพบุรี อนุญาตชาวนาสูบน้ำ 3 วัน ส่วน ชาวนาโคราชปรับหน้าดินเตรียมหว่านข้าว

นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการปล่อยน้ำให้เกษตรกรลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้นำไปใช้ได้แล้วในบางพื้นที่ โดยจะมีเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร ลงพื้นที่ไปสำรวจจุดเสี่ยงของเกษตรกรเพื่อให้การบริหารการจัดน้ำทั่วถึงและถูกต้อง ส่วนมาตรการการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง นั้น จะมีการดำเนินการรณรงค์ให้เกษตรที่ปลูกข้าวหันมาปลูกพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยทดแทน เช่น พืชตระกูลถั่ว เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการเพาะปลูกน้อย และมีตลาดที่แน่นอน รวมไปถึงสนับสนุนให้เกษตรกรทำไร่นาส่วนผสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสภาวะอากาศในอนาคต รวมถึงการปล่อยเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ และการส่งเสริมประชาชนมารวมตัวกันทำฟาร์มเพื่อนำมาอุปโภคบริโภคเอง และนำส่วนที่เหลือออกสู่ตลาด 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังกล่าวถึงการวางแผนบริหารการจัดการน้ำปีหน้า ว่า จะมีการประชุมหารือกันในวันนี้ ซึ่งต้องรีบดำเนินการวางแผนใน 3 ด้าน คือ การเกษตร การอุปโภคบริโภค และสิ่งแวดล้อม


ชลประทานลพบุรีอนุญาตชาวนาสูบน้ำ3วัน

นายอรรถพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า ขณะทางชลประทาน ได้จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร เสนอไปยังกรมชลประทาน และผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบน้ำไม่มีเข้านาข้าวมานานกว่า 1 เดือน โดยระยะแรกจะให้ชาวนาที่ทำนาอยู่ในพื้นที่ริมคลองชัยนาท-ป่าสัก ทั้งฝั่งซ้าย และฝั่งขวา ตั้งแต่ตำบลพุคา ตำบลหนองทรายขาว ตำบลหนองเต่า อำเภอบ้านหมี่ สามารถสูบน้ำเข้านาได้ทั้งหมด 3 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 21 - 23 กรกฎาคม 2558 หลัง 3 วันแล้ว ขอให้ชาวนาหยุดสูบน้ำทันที เพื่อประเมินผลว่า น้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก เหลือน้ำต้นทุนอุปโภคบริโภคเท่าไร ก่อนวางแผนระยะต่อไป เพื่อให้ชาวบ้านที่ใช้น้ำอุปโภคบริโภค และชาวนาบรรเทาความเดือดร้อนลงบ้าง ด้าน นายอดุลย์ วิเศษฤทธิ์ เปิดเผยว่า ชาวนาของตำบลพุคา และตำบลหนองทรายขาว ประชุมร่วมกันว่าจะเริ่มสูบน้ำพร้อมกันในวันนี้ เพื่อให้ได้น้ำพร้อมกันทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ


ชาวนาโคราชปรับหน้าดินเตรียมหว่านข้าว

จังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรมีน้ำท่วมขัง อย่างเช่น เกษตรกรในพื้นที่บ้านละลมโพธิ์ หมู่ที่ 15 ต.พุดซา อ.เมือง ต้องเร่งน้ำรถไถคราดมาปรับหน้าดินให้มีความละเอียด เพื่อเตรียมทำการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว หลังเลื่อนปลูกข้าวไปนานกว่า 3 สัปดาห์ ขณะที่เกษตรกรบางรายต้องเร่งขุดร่องน้ำระหว่างคันนา เพื่อให้ปริมาณน้ำ มีการหมุนเวียนไปยังพื้นที่ข้างเคียง

นายไสว แคะมะดัน อายุ 51 ปี ชาวนา เปิดเผยว่า ตนเองได้เตรียมพื้นที่เพาะปลูกไว้ทั้งสิ้น 10 ไร่ แต่ตนเองต้องบริหารจัดการน้ำฝนที่ตกลงมา เนื่องจากน้ำในคลองต่าง ๆ นั้น แห้งขอดไปหมดแล้ว อีกทั้ง ทางชลประทาน ยังไม่จ่ายน้ำออกมาช่วย ซึ่งหลังจากปรับหน้าดินแล้ว ตนเองจะทำการหว่านข้าวเพียง 5 ไร่ จากทั้งหมด 10 ไร่ เพราะส่วนที่เหลือจะต้องรอฝนตกลงมาอีกรอบหนึ่ง


นายกฯ สั่งดูแลน้ำอื่ม-ใช้ปชช.ให้เพียงพอ

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผย ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำและดูแลน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนนอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้การประปานครหลวง และกรมชลประทาน หาวิธีการผันน้ำจากทางตะวันตกมาแทนการใช้น้ำจากเจ้าพระยา หรือการใช้น้ำโดยตรงจากแม่น้ำเจ้าพระยา มาลงในคลองลำแล ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิธีว่าจะมีผลต่อการผลักดันน้ำทะเลหรือไม่ ขณะเดียวกัน กรมสารสนเทศเพื่อการเกษตร ยังเสนอให้หาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่มเติมให้แก่การประปานครหลวง และศึกษาน้ำก้นถังของเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล ว่าสามารถใช้ประโยชน์ในการผลิตน้ำให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้มากน้อยเพียงใด

ขณะเดียวกัน อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ยังระบุว่า ที่ประชุมได้ตั้งคณะอนุกรรมการเข้ามาดูแลน้ำอีก 2 คณะ เพื่อดูแลน้ำอุปโภคบริโภคและประเมินติดตามผลการแก้ปัญหา พร้อมขอให้ภาคราชการลดการใช้น้ำจาก 19% ให้เหลือ 10% เพื่อเป็นต้นแบบให้ภาคเอกชน เกษตรกรและประชาชน แต่ทั้งนี้จะคำนึงถึงภาคราชการที่ต้องให้บริการประชาชน และสำรวจจุดอ่อนระบบประปาของทางราชการก่อน



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล