คืบบึ้มปาดังเบซาร์ตายเพิ่ม1-ระเบิด 2 จุด สุไหงโกลกดับ3

ความคืบหน้าบึ้มปาดังเบซาร์ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก1ราย รวมเป็น 2 คน บาดเจ็บ 4 คน พบรถที่ก่อเหตุถูกแจ้งหายไว้ที่ สภ.แม่ลาน เมื่อปี 57 ขณะที่ ป่วนอีก!บึ้มสุไหงโก-ลกเพิ่มอีก 2 จุด ก่อนมีเพลิงไหม้ตามมา มีผู้เสียชีวิต 3 รายติดในอาคาร

ความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดรถจักรยานยนต์บอมบ์ที่หน้าร้านครกทองคาราโอเกะ ถ.วงศ์ท่าเรือเขตเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน คือ น.ส.นุจรินทร์ นันเชียงเครือ อายุ 28 ปี ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และนางอะรอน ธรรมขันธ์ อายุ 42 ปี ชาว จ.หนองคาย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลปาดังเบซาร์  ส่วนผู้บาดเจ็บมี 4 คน คือ นางพัชราภรณ์  ทีวงค์ อายุ 30 ปี ชาว จ.นครพนม ส่งต่อโรงพยาบาลหาดใหญ่มีแผลฉีกขาดที่ใบหน้าและกระดูกใบหน้าหัก, น.ส.ปิยธิดา ไชยพรม อายุ 31 ปี ชาว จ.ศรีษะเกษ รักษาตัวโรงพยาบาลปาดังเบซาร์มีบาดแผลถลอกและฉีดขาดที่หัวเข่า,  น.ส.นันทิสา อานาม อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน อาการสาหัสมีบาดแผลฉีกขาดที่แขนและหลังและลำใส้ทะลุส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์,   และน.ส.ปนัดดา จันทะเกษ อายุ 30 ปี ชาวจ.อุบลราชธานี หูอื้อแพทย์ให้กลับบ้านได้ โดยทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทำงานอยู่ในร้านคารโอเกะที่เกิดเหตุ

ส่วนเบาะแสของรถจักรยานยนต์นั้นจากการตรวจสอบหมายเลขเครื่องพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนที่ถูกแจ้งหายไว้ที่สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อปี 2557 โดยถูกนำมาจอดไว้ในช่วงกลางวัน  ส่วนระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแสวงชุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง และมีอานุภาพรุนแรงมีเป้าหมายให้มีผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อีโอดี และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เชื่อมโยงกับเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่จ.นราธิวาสที่เกิดเหตุระเบิดหลายจุดในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่เบาะแสของคนร้ายนั้นเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด

สำหรับเหตุระเบิดในพื้นที่อ.สะเดา จ.สงขลา ในครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองโดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่22 ธันวาคม ปี 2556 คนร้ายได้ลอบวางระเบิด3 จุด โดยวางระเบิดจักรยานยนต์บอมที่หน้าสภ.ปาดังเบซาร์  ต.ปาดังเบซาร์  วางระเบิดจักรยานยนต์บอมส์ภายในลานจอดรถสภ.สะเดา และวางระเบิดคาร์บอมส์ที่ข้างโรงแรมโอริเวอร์ เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ซึ่งมีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน

คืบคนร้ายบึ้มป่วน 4 จุดสุไหงโก-ลก มีคนเจ็บ 8 ราย

ความคืบหน้าเหตุคนร้ายขว้างระเบิดป่วนเมืองจำนวน 4 จุด ภายในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จุดแรกนั้นที่ร้านอาหารเจนนี่ ถนนลูกเสืออนุสรณ์ ซอย 4 ก่อนเกิดเหตุได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 2 คนขี่รถ จยย.ก่อนจะให้ชายที่นั่งซ้อนท้ายขว้างระเบิดเข้าไปภายในร้าน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบพบที่ข้างม้านั่งหินอ่อนภายในร้านมีหลุมระเบิดลึก 2 ฟุต กว้าง 3 ฟุต จากนั้นคนร้ายได้ขี่รถ จยย.ไปจอดหน้าร้านพัฒน์เนื้อย่างเกาหลีที่ห่างออกไป 300 เมตร ก่อนจะขว้างระเบิดชนิดเดียวกันใส่ซุ้มอาหาร แต่พลาดไปตกที่หลังคาจนเกิดระเบิดขึ้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

จุดที่ 3 ซอยประชาวิวัฒน์ ซอย2 คนร้ายนำวัตถุระเบิดไปวางไว้ในกระถางต้นไม้หน้าร้านบุษบาคาราโอเกะ แรงระเบิดทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 8 ราย ถูกนำตัวส่งรักษา รพ.สุไหงโก-ลก ประกอบด้วย ประกอบด้วย 1.น.ส.วรดา บุดตรี  2.นาย มูฮัมหมัดกัลดาฟีห์ ดอเลาะ 3.น.ส.วิไล จันดารา 4.นางเวทีนี บัวบาน 5.น.ส.กัญญารัตน์ วันทอง 6.น.ส.นารี มณีวรรณ 7.น.ส.แอนนี่ เอี่ยมศรี บาดเจ็บสาหัส แต่ยังรู้สึกตัวดี มีสติ 8.นางอุมา พู่ทอง

จากการตรวจสอบพบกระจกหน้าร้านเสียหาย และมีรถเก๋งของชาวบ้านเสียหาย 1 คัน โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ ในกล่องเหล็ก โดยเบื้องต้นพบว่าคนร้ายนำระเบิดไปวางไว้ริมถนนตั้งแต่ช่วงค่ำก่อนจะให้ คนร้ายอีกชุดขี่รถ จยย.ไปขว้างระเบิดใส่ร้านอาหารจำนวน 2 จุด เพื่อสร้างความปั่นป่วน แล้วจึงกดระเบิดแสวงเครื่อง และจุดที่ 4 มีรายงานเกิดเหตุอีก 1 จุดที่หน้าโรงเรียนผดุงวิทยา เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบ  

บึ้มสุไหงโก-ลกเพิ่ม 2 จุด ก่อนมีไฟไหม้ ตาย 3

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายปาระเบิดป่วนเมือง 4 จุดในเขตเทศบาล โดยกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเพิ่มอีก 2 จุด คือ บริเวณใกล้ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ซอยดาร์ลิ่ง ถ.วงศ์วิถี และ อาคารพาณิชย์ 1 หลัง ในตลาดหลังโรงแรมเก็นติ้ง โดยคนร้ายได้วางระเบิดตั้งเวลาไว้  และมีเพลิงไหม้ตามมาทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่ได้พยายามเร่งสกัดและควบคุมเพลิง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งติดอยู่ในอาคารพาณิชย์ดังกล่าว ไม่สามารถหนีออกมาได้เพราะติดลูกกรงเหล็กของอาคาร

ส่วนรายละเอียดและความเสียหายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะยังอยู่ในช่วงยามวิกาล ซึ่งอาจมีเหตุแทรกซ้อนขึ้นมาได้