นายกฯย้ำดูแลแรงงานสร้างหลักประกันระยะยาว

รองโฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ กำชับทุกฝ่ายดูแลแรงงานพร้อมสร้างหลักประกันในระยะยาว ระบุ ค่าจ้างแรงงานไทยสูงกว่าเพื่อนบ้าน การขึ้นค่าแรงร้อยละ20 อาจกดดันผู้ประกอบการ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มีความเข้าใจและเห็นใจแรงงาน จึงอยากวางระบบสวัสดิการที่ดีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างหลักประกันในระบบยาว มากกว่าการใช้นโยบายแบบสุกเอาเผากิน ที่ให้ผลประโยชน์เทียมระยะสั้น ๆ แต่ไม่อาจสร้างความมั่นคงแก่แรงงานในระยะยาว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเสมอว่า แรงงานเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศที่ต้องดูแล ซึ่งควรดูแลด้วยการสร้างหลักประกันในรูปแบบการมีสวัสดิการในระยะยาวให้แก่แรงงาน เข้มงวดให้นายจ้างปฏิบัติการกฎหมายอย่างเคร่งครัด ด้วยการทำประกันสังคมให้ลูกจ้าง กำหนดสัญญาการจ้างงานที่เป็นธรรม การจ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้าง รวมไปถึงการจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อให้แรงงานสามารถออมเงินไว้ใช้ในยามชราโดยที่รัฐบาลสมทบเงินให้เป็นประจำทุกเดือน
รองโฆษกรัฐบาล ระบุ ค่าจ้างแรงงานไทยสูงกว่าเพื่อนบ้าน ขณะที่การขึ้นค่าแรงร้อยละ 20 อาจกดดันผู้ประกอบการในการจ้างงานช่วงเศรษฐกิจยังไม่แข็งแรง
พล.ต.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงกระแสการเรียกร้องของกลุ่มแรงงานบางกลุ่มที่ต้องการให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นจาก 300 บาท เป็น 360 บาทต่อวัน ว่า เข้าใจแรงงานที่ต้องการมีรายได้เพิ่ม แต่หากรายได้เพิ่มแล้วรายจ่ายเพิ่มตาม ก็ไม่เกิดผลดีใดๆ ต่อแรงงานอย่างแท้จริง ซึ่งทุกครั้งที่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ราคาสินค้าและบริการจะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย จนทำให้ผู้ใช้แรงงานอาจจะไม่มีเงินเหลือเก็บรวมทั้งการขอปรับขึ้นค่าแรงถึงร้อยละ 20 ในภาวะเศรษฐกิจช่วงปรับฐานและยังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ อาจจะส่งผลกดดันให้ผู้ประกอบการคิดหนักในเรื่องการจ้างแรงงาน
ทั้งนี้ หากมองตามข้อเท็จจริงพบว่า ค่าจ้างแรงงานไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน การขึ้นค่าแรงงานซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักของอุตสาหกรรมจะยิ่งทำให้สินค้าไทยแข่งขันลำบากมากขึ้น กระทบต่อการจ้างงานและดุลการค้าของประเทศ