ชายโอมานติดเมอร์สดีขึ้น-สธ.บอกกลุ่มเฝ้าระวังลดลง
ผอ.สถาบันบำราศนราดูร เผย ชายโอมานป่วยโรคเมอร์สอาการดีขึ้น หายใจได้เองแล้ว ชี้อายุมากใช้เวลาฟื้นตัวช้า ขณะญาติ 3 ราย ไม่มีไข้ ขณะที่ รมว.สาธารณสุข มั่นใจ สถานการณ์ไวรัสเมอร์ส ในไทยดีขึ้นแล้ว กลุ่มเฝ้าระวังลดจำนวนลง
พญ.จริยา แสงสัจจา ผอ.สถาบันบำราศนราดูร เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้า อาการชายชาวโอมาน วัย 75 ปี ผู้ป่วยโรคทางทางหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส ว่า อาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถหายใจได้เอง และรับประทานอาหารได้แล้ว แต่ด้วยอายุมากทำให้การฟื้นตัวช้า ส่วนญาติ 3 ราย พักอยู่ห้องแยกโรค ไม่มีอาการไข้แล้ว รอกักตัวให้ครบ 14 วัน เพื่อยืนยันว่าปลอดเชื้อ
นอกจากนี้ พญ.จริยา ยังกล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ มีสาววัย 18 ปี เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง ได้ให้แพทย์ตรวจเชื้อ ซึ่งมีผลเป็นลบ คือ ไม่ติดเชื้อเมอร์ส และได้ให้พักที่ห้องแยกโรค ในสถาบันบำราศนราดูร เพื่อรอผลตรวจอีกครั้ง คาดว่าพรุ่งนี้จะสามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์จะมีการติดตาม และโทรศัพท์สอบถาม ให้ครบ 14 วัน
รมว.สธ.เผยกลุ่มเฝ้าระวังไวรัสเมอร์สลดลง
นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์ไวรัสเมอร์สในประเทศไทย ว่า ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น กลุ่มเฝ้าระวังมีจำนวนลดจาก 176 คน ซึ่งบางรายอาการดีขึ้น สามารถกลับบ้านได้ รวมถึงผู้ป่วยชาวโอมาน นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่ามีอาการดีขึ้น โดยจะติดตามอาการอีก 4 วัน หากผลตรวจเป็นลบ ก็ถือว่าปลอดภัย ส่วนญาติผู้ป่วยอีก 3 คน นั้น ยังคงต้องติดตามเฝ้าระวัง ซึ่งโดยรวมสามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงนั้น กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า มีระบบการป้องกันที่ดี และไม่ได้ปิดกั้นผู้เดินทางจากเกาหลีใต้ หรือตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นประเทศต้นทาง รวมถึงยังมีระบบคัดกรองบุคคลที่เข้าออกประเทศอย่างเคร่งครัด และหากประชาชนที่มีไข้ และสงสัยว่าจะเป็นโรคหรือไม่สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 1669 โดยจะมีเจ้าหน้าที่มารับตัวไปตรวจรักษา
กรมควบคุมโรค สั่ง ร.พ.คัดกรองเชื้อเมอร์สเข้ม
น.พ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ยืนยัน ผู้ป่วยโรคเมอร์ส มีเพียงรายเดียว คือ ชายชาวโอมานวัย 75 ปี ส่วนญาติ 3 ราย ผลตรวจยังเป็นลบ ไม่พบอาการติดเชื้อ ยังเฝ้าระวังต่อ แต่ไม่มีไข้และไอแล้ว รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง 2 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยที่เข้าข่ายสอบสวน ซึ่งมี 53 ราย และไม่มีรายใดผลตรวจเป็นบวก ส่วนอีกกลุ่มเป็น กลุ่มที่สัมผัสผู้ป่วย 163 ราย ได้มีการติดตามอาการอยู่สม่ำเสมอ ไม่พบใครมีอาการเช่นกัน โดยรวมถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นมาก ทางกระทรวงสาธาณสุข มีการดำเนินการตามเกณฑ์มาตรฐาน เข้มงวดเนื่องจาก ประเทศไทยเป็นประเทศเปิด ที่มีคนเข้าออกเป็นจำนวนมาก จึงต้องควบคุมให้ดีที่สุด แต่ต้องประสานไปยังประเทศต้นทางให้ตรวจเชื้อก่อนเดินทางด้วย พร้อมกับทำความเข้าใจโรงพยาบาลในประเทศให้เข้มงวดการตรวจคัดกรองโรค โดยเฉพาะผู้ที่มาจากประเทศเสี่ยง
ทั้งนี้ น.พ.โอภาส กล่าวอีกว่า โรคเมอร์สไม่มียา หรือวัคซีน ในการรักษา มีเพียงการประคับประคองอาการของผู้ป่วย เพื่อให้สามารถสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา เพื่อทำลายเชื้อโรคเอง ซึ่งโรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 30 ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัว ส่วนหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรงมีโอกาสต่อการติดเชื้อน้อย
อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนติดตามข่าวสารใกล้ชิด อย่าเชื่อข่าวลือที่ยังไม่มีการตรวจสอบ เนื่องจากจะสร้างความวิตกให้แก่คนจำนวนมาก และทำให้ประเทศเสียหายด้วย