เส้นทางอาร์ 3 เอ... โอกาสเจาะตลาดจีนของเอสเอ็มอีไทย

เส้นทางอาร์ 3 เอ... โอกาสเจาะตลาดจีนของเอสเอ็มอีไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ถ้าพูดถึงเมืองเชียงรุ่ง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาแล้ว คนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงกลุ่มชาวไทยลื้อที่มีรากเหง้าทางภาษาและวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับคนไทยมาก

จนอาจเรียกได้ว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน แต่ภายหลังจากที่เส้นทางสายอาร์ 3 เอ สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เชียงรุ่งจะไม่ได้เป็นเพียงเมืองท่องเที่ยวชมวัฒนธรรมชาวไทยลื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางการทำธุรกิจที่น่าสนใจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอีกด้วย

ผลจากการเดินทางไปสำรวจความพร้อมด้านพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้าตามเส้นทางสายอาร์ 3 เอ กับคณะของ อุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมศุลกากร ทำให้เชื่อมั่นว่าเส้นทางสายนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้การค้าตามแนวชายแดนไทย-ลาว-จีนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะ อาร์ 3 เอ จะช่วยร่นเวลาการขนส่งสินค้า และผู้คนจากไทยไปจีนให้เหลือเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ การขนส่งสินค้าจากทางภาคเหนือของไทยไปยังภาคใต้ของจีนจะอาศัยการล่องเรือในแม่น้ำโขงเป็นหลัก ซึ่งทำให้ไทยเสียเปรียบเป็นอย่างมาก เพราะขาล่องจากเมืองเชียงรุ่งมายัง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย นั้นใช้เวลาเพียงวันเดียว แต่ถ้าจะล่องทวนน้ำจากไทยขึ้นไปยังจีนแล้วจะกินระยะเวลานานถึง 3 วัน ทว่า เส้นทางสายอาร์ 3 เอ ซึ่งเป็นถนนลาดยางที่รถวิ่งอย่างสะดวกสบายจะทำให้การสัญจรทางรถจาก อ.เชียง จ.เชียงราย ไปยังเมืองเชียงรุ่ง ใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น จึงช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว

เส้นทางสายอาร์ 3 เอ ที่ไปสำรวจครั้งนี้เป็นถนนลาดยาง เริ่มต้นที่ อ.เชียงของ ข้ามแม่น้ำโขงไปยังเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ผ่านเมืองหลวงน้ำทา และเมืองบ่อเต็น ก่อนจะข้ามพรมแดนจีนที่เมืองบ่อหาน มายังเมืองเชียงรุ่ง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา รวมระยะทางประมาณ 672 กม. แต่ถ้านับจากเมืองคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน มาถึงกรุงเทพฯแล้ว เส้นทางสายนี้จะมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 1,031 กม.

อย่างไรก็ตาม มีหลายฝ่ายที่คัดค้านการสร้างเส้นทางสายนี้เช่นกันโดยมองว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อทางฝ่ายจีนมากกว่าฝ่ายไทย ทำให้สินค้าจีนซึ่งมีราคาถูกกว่าแห่ทะลักเข้ามาไทยได้ง่ายขึ้น ทั้งยังอาจกลายเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งอธิบดีอุทิศได้กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า อยากให้มองในระยะยาวไปถึงเรื่องการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศมากกว่า โดยที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขการส่งออกของไทยขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อแน่ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวเพราะการเปิดใช้เส้นทางสายอาร์ 3 เอ

โอกาสที่นักธุรกิจไทยยังมองไม่เห็น

ขณะที่นายชัชวาล ศรีวชิราวัฒน์ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการประสานงานฝ่ายรัฐบาลของบริษัทสิบสองปันนา จีเอ็น จิ่งหง อินดัสเตรียล โซน ดีเวลอปเมนต์ ของคนไทยซึ่งได้เป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชียงรุ่งแต่เพียงผู้เดียว กล่าวชักชวนให้คนไทยมาทำธุรกิจที่นี่กันเยอะๆ เพราะเชียงรุ่งเป็นสถานที่ที่เอื้ออำนวยต่อการมาทำธุรกิจเป็นอย่างมากด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ชาวไทยลื้อ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของเมืองเชียงรุ่งนั้นมีความรู้สึกที่ดีกับคนไทย

นอกจากนี้ ชาวเชียงรุ่งยังนิยมบริโภคสินค้าไทยเป็นอย่างมาก วัดได้จากที่กรมส่งเสริมการส่งออก (บีโอไอ) นำผู้ประกอบการมาเปิดบูธ 96 บูธในงานแสดงสินค้าเชียงรุ่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วพบว่าสินค้าไทยทุกรายการขายดีชนิดเทน้ำเทท่า ไม่ว่าจะเป็นยาหม่อง ยาดม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องสำอาง ผ้าทอลายไทย หรือแม้แต่ทุเรียน และอาหารไทยอย่างส้มตำ สำหรับสินค้าและการบริการของไทยที่เป็นที่ต้องการของชาวเมืองเชียงรุ่งเป็นอย่างมาก ได้แก่ ศูนย์วัฒนธรรมไทย โรงพยาบาล ร้านอาหาร สปาไทย และการโรงแรม

นอกเหนือจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว เชียงรุ่งยังมีข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์คือมีทำเลใกล้ประเทศอาเซียน ทั้งยังสะดวกในการกระจายสินค้าทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ แถมค่าแรงก็ถูกกว่าภูมิภาคอื่นของจีน มีป่าไม้ สมุนไพร และแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ แถมค่าน้ำค่าไฟก็ถูกเพราะมีเขื่อนยักษ์ใหญ่ถึง 3 แห่งเอาไว้ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เอง

ขณะนี้เส้นทางสายอาร์ 3 เอ ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังมีปัญหาอีกหลายประการที่ต้องแก้ไข และต้องทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างไทย ลาว และจีน เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบด้านศุลกากรให้เป็นแบบเดียวกันเพื่อลดความซ้ำซ้อน แต่ถ้าผู้ประกอบการชาวไทยไม่คิดที่จะเข้าไปแสวงหาโอกาสที่มาพร้อมกับเส้นทางสายนี้กันให้มากขึ้นแล้ว

เส้นทางสายนี้ก็จะกลายเป็นเส้นทางให้สินค้าจีนเข้ามาถล่มสินค้าไทยแต่เพียงฝ่ายเดียวอย่างที่เคยมีคนเปรยเอาไว้เท่านั้น

รายการคมชัดลึกตอน-ภาษีที่ดินและมรดกเก็บได้จริงหรือ?

ทันทีที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศเดินหน้าผลักดันกฎหมายการจัดเก็บภาษีที่ดินและมรดก ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างหนักว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทนแรงเสียดทานได้หรือไม่ ภาษีที่ดินและมรดกจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook