''แกรนท์ ธอร์นตัน'' เผยผลสำรวจ นักธุรกิจไทยมองลบส่งออก
ทางด้านรายรับ ธุรกิจในบางประเทศยังคงมีความคาดหวังในระดับสูงต่อรายรับ ได้แก่ เวียดนาม (+91%) อินเดีย (+71%) รวมถึงแอฟริกาใต้และอาร์เมเนีย (+54% ทั้งสองพื้นที่) แต่บางประเทศ เกรงว่าจะมีการรับรู้รายได้ในระดับต่ำสุด ได้แก่ ฮ่องกง (-48%) ไต้หวัน (-44%) ญี่ปุ่น (-23%) และสเปน (-21%)
ส่วนผู้ประกอบการชาวไทยมีมุมมองด้านลบต่อรายรับ โดยมีดุลยภาพโดยรวมที่ -14% ซึ่งคล้ายคลึงกันกับผลการสำรวจเมื่อต้นปี 2551 ทางด้านโอกาสในการส่งออก ผู้ประกอบการชาวไทยมีทัศนคติด้านลบตามกระแส โดยมีค่าดุลยภาพด้านลบที่ -11% ซึ่งหมายความว่า ผู้ประกอบการหลายรายไม่คาดหวังต่อการเพิ่มขึ้นของการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญในปี 2552
ทั้งนี้ผลการสำรวจรวมจากผู้ประกอบธุรกิจชาวไทยซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติทางลบโดยทั่วไปที่เกิดจากการเมืองภายในประเทศและสภาวะเศรษฐกิจโลก อาจแสดงสภาพความเป็นจริงและน่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนที่เหมาะสมสำหรับปีนี้ได้
แกรนท์ ธอร์นตัน ระบุว่า ไม่น่าแปลกใจที่ผลการสำรวจจากทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงจากปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ (แม้ว่ากลุ่มเศรษฐกิจยังคาดหวังต่อการเพิ่มขึ้นของรายรับ) โดยค่าเฉลี่ยโลกของความคาดหวังต่อรายรับลดลงกว่า 50 จุดจากปีที่ผ่านมา
นายปีเตอร์ วอล์คเกอร์ กรรมการอาวุโส แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย กล่าวว่า ยังพบความแตกต่างของผลการสำรวจในระดับบริษัทและประเทศ ที่น่าสนใจ โดยดูเหมือนว่าหลายธุรกิจยังไม่เข้าใจถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่อตลาดของตนเอง และกำลังคาดหวังให้เกิดการฟื้นตัวอย่างอัศจรรย์ในช่วงต้นปีนี้
ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจต่างๆ ใน 26 ประเทศจาก 36 ประเทศที่ได้รับการสำรวจคาดหวังว่าการส่งออกจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ด้วยกลุ่มเศรษฐกิจผู้นำเข้าที่ใหญ่ที่สุดต่างกำลังชะลอตัว คำถามก็คือ ตลาดสำหรับการส่งออกนั้นจะอยู่ที่ใด
นายวอล์คเกอร์ กล่าวว่า คำแนะนำที่แกรนท์ ธอร์นตัน มีให้ต่อธุรกิจในระยะสั้นคือ มุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่าย พัฒนาความสามารถในการผลิต และรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าไว้ ถัดมาคือการตัดสินใจเสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเศรษฐกิจขาขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ควรมีความตื่นตัวในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Distressed Assets) ในราคาถูก ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของบริษัทในระยะยาว นอกจากนี้ควรใช้ประโยชน์จากบรรยากาศทางธุรกิจที่เงียบเหงาในขณะนี้เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถต่างๆ (เช่น การฝึกอบรมพนักงาน) อาจเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับอนาคต
อนึ่งค่าเปอร์เซ็นต์ดุลยภาพ (Percentage Balance) คือ ความต่างระหว่างเปอร์เซ็นต์ของผู้ได้รับการสำรวจที่มีทัศนคติด้านบวกและผู้ที่มีทัศนคติด้านลบ