ครม.เห็นชอบเข้าพรรษาเป็นช่วงงดดื่มสุรา

ครม.เห็นชอบเข้าพรรษาเป็นช่วงงดดื่มสุรา

ครม.เห็นชอบเข้าพรรษาเป็นช่วงงดดื่มสุรา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ เทศกาลเข้าพรรษา เป็นช่วงงดดื่มสุราแห่งชาติ ทำความดีถวายในหลวง

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ซึ่งเป็นช่วงของการงดดื่มสุราแห่งชาติ ทำความดีถวายในหลวง ตามที่ทางคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เสนอ โดยที่จะมีการงดเว้นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ยกเว้นในโรงแรม ว่าด้วยกฎหมายโรงแรม เนื่องจากเห็นว่าในปัจจุบัน แอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพและสังคมหลายประการ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยหลักของปัญหาอาชญากรรมด้วย

 

ครม.ให้FIDFจ่ายหนี้เงินต้นดบ.1.6หมื่นล.

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้โอนเงินของ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถานบันการเงิน (FIDF) จำนวน 16,000 ล้านบาท เข้าบัญชีสะสมเพื่อการคืนต้นเงินกู้ชดเชยความเสียหายของกองทุน ในปีงบประมาณ 2556 ในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของกองทุนฟื้นฟู กองที่ 1 และกองที่ 3 ตามระเบียบกระทรวงการคลังเสนอ

ทั้งนี้ วงเงินดังกล่าว เป็นการโอนจากสภาพคล่องส่วนเกิน ที่เกิดจากการขายหุ้นของทางธนาคารกรุงไทย และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (BAM) เข้ากองทุนเอฟไอดีเอฟในครั้งนี้

 

ครม.มีมติให้สตช.ถกหน่วยงานสร้างสถานีตร.

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. มีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับไปหารือร่วมกับ กรมการปกครองกลาง สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กรมโยธาธิการและผังเมือง พิจารณารายละเอียดโครงการสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ให้รอบคอบ แล้วให้นำกลับมาเสนอ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายหลัง นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายเศรษฐกิจ มอบหมายให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาเป็นประธาน ฝ่ายสังคมและกฎหมาย มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ส่วนในฝ่ายต่างประเทศนั้นให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทั้งนี้ ได้แต่งตั้ง นายพงศ์เทพ เป็นรักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ด้วย

 

ครม.เห็นชอบปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเภสัชกรรม

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการปรับอัตราค่าธรรมเนียมผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม โดยที่มีการปรับค่าขึ้นทะเบียนรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม จาก 1,500 บาท เป็น 5,000 บาท ค่าหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมจาก 150 บาท เป็น 200 บาท ค่าหนังสืออนุมัติ หรือวุฒิบัตร แสดงความรู้ความสามารถการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมจาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท และค่าใบแทนใบอนุญาต จาก 150 บาท เป็น 500 บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

 

ครม.ตั้งรักษาราชการแทนรมว.ต่างประเทศ

นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม. มีมติอนุมัติแต่งตั้ง ผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ โดยได้เสนอชื่อ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้วย

นอกจากนี้ ยังมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ

 

ครม.สั่งสภาพัฒน์ฯรายงานเศรษฐกิจทุกเดือน

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และรายงานให้คณะรัฐมนตรี ทราบเป็นประจำทุกเดือน เดิมเป็นรายไตรมาส ทั้งนี้ ทางสภาพัฒน์ ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ในเดือน พ.ค. เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่าดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงร้อยละ 3.3 ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องในเดือนที่ 2 การใช้จ่ายภาคครัวเรือนชะลอตัวลง เนื่องจากการหดตัวของดัชนีการบริโภคภาคเอกชนที่ลดลงร้อยละ 0.2 ส่วนเศรษฐกิจไทยทั้งปี ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 - 5.2 อัตราเงินเฟ้อชุดทั่วไป เฉลี่ยอยู่ในกรอบร้อยละ 2.3 - 3.3 และดุลบัญชีเดินสะพัด จะเกินดุลที่ร้อยละ 0.9 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

 

ครม.อนุมัติงบให้ก.พลังงานลงทุนกับมาเลเซีย

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ ในการจัดสรรของบประมาณประจำปี 2557 จำนวน 4.165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการดำเนินงานในองค์การร่วมไทย-มาเลเซีย ในด้านการแสวงหาผลประโยชน์ด้านปิโตรเลียมจากทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินการในโครงการดังกล่าวนั้นจะทำให้องค์กรของรัฐมีรายได้จากการลงทุนในส่วนค่าหลวงและสัมปทานปีละกว่า 1,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook