ซ่อมด้านอ่อน-เสริมสิ่งถนัดสแกนลายนิ้วมือเรียนให้ถูกทาง

ซ่อมด้านอ่อน-เสริมสิ่งถนัดสแกนลายนิ้วมือเรียนให้ถูกทาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ก่อนที่พ่อแม่ จะส่งลูกไปเรียนพิเศษ ควรค้นหาความถนัดที่แท้จริงของลูกตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพให้ถูกทาง แล้วค่อยส่งลูกไปเรียนพิเศษในด้านนั้นๆ จะเป็นผลดีต่อเด็กมากกว่า หลายครอบครัวได้ลองใช้

// //

เทคโนโลยีDMI(DermatoglyphicsMultipleIntelligence)หรือการสแกนลายนิ้วมือด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บตัวอย่างลายนิ้วมือแล้วนำไปเทียบเคียงกับทฤษฎีพหุปัญญา(MultipleIntelligences)ของ ดร.ฮาวาร์ดการ์ดเนอร์ แห่งมหาวิทยาลัยฮอาร์วาร์ดประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชี้ให้เห็นว่าสติปัญญาทั้ง8ด้านของมนุษย์นั้นมีติดตัวมาแต่กำเนิดซึ่งทฤษฎีลายนิ้วมือได้รับการยอมรับมาหลายร้อยปีแล้วว่าเป็นการชี้วัดตัวตนของคนหนึ่งได้เพราะลายมือไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เกิดจนตายยกเว้นว่าจะเป็นบาดแผลมีดบาดน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้

เกียรติบุตรเลิศวิทยา ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริษัทมายด์แม็กซ์จำกัดผู้นำเข้าเทคโนโลยีดีเอ็มไออธิบายว่าการสแกนลายนิ้วมือจะใช้เวลาประมาณ45นาทีต่อคนโดยให้เด็กวางนิ้วไปที่เครื่องสแกนสแกนทั้งตรงกลางนิ้วและด้านซ้ายและขวาทีละนิ้วจนครบ10นิ้วจากนั้นใช้เวลาประมวลผล3-4สัปดาห์จะนัดผู้ปกครองมาฟังผลโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสิงคโปร์และนัดให้คำปรึกษาต่อเนื่องอีก4ครั้งเสียค่าใช้จ่ายประมาณ7,000บาทต่อคนเมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับแววและความถนัดของเด็กแล้วผู้ปกครองสามารถนำไปส่งเสริมและพัฒนาลูกอย่างต่อเนื่องได้

การสแกนลายนิ้วมือจะช่วยวิเคราะห์ให้พ่อแม่รู้จักลูกตัวเองและความถนัดของลูกมากขึ้นหลังจากนั้นผู้ปกครองจะต้องตัดสินใจเองว่าจะเสริมจุดเด่นและปรับปรุงพัฒนาจุดด้อยอย่างไรรวมทั้งช่วยให้ครูและผู้ปกครองสอนเด็กได้ตรงกับศักยภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเองเป็นข้อมูลที่จะนำไปประกอบการวางแผนชีวิตที่จะนำไปสู่เป้าหมายในอนาคตได้โดยที่ลงทุนอย่างคุ้มค่าและมีเป้าหมายที่ชัดเจนเปรียบดังว่าเรามีลายแทงในการเดินไปสู่จุดหมายแล้วนั่นเอง ผู้นำเข้าเทคโนโลยีดีเอ็มไออธิบายลายนิ้วมือที่ปรากฏขึ้นนั้นจะถูกนำไปเทียบเคียงกับทฤษฎีพหุปัญญาได้แก่1.ปัญญาทางด้านภาษา(LinguisticIntelligence)ความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการเขียนทำให้ผู้อื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนต้องการจะสื่อได้เป็นอย่างดีเช่นนักพูดนักเขียนและกวีเป็นต้น2.ปัญญาด้านตรรกและคณิตศาสตร์(LogicalMathematicalIntelligence)ความสามารถเกี่ยวกับการใช้ตัวเลขการเป็นผู้ที่มีเหตุและผลสามารถใช้เหตุและผลในการอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีเช่นนักวิทยาศาสตร์นักตรรกศาสตร์กิจกรรมพัฒนาทักษะ:การคิดคำนวณการแก้สมการการทายปัญหาการหาเหตุผลของสิ่งต่างๆที่ใช้ร่างกายเป็นสื่อในการแสดงอารมณ์ความรู้สึกได้เป็นอย่างดีเช่นนักแสดงที่สามารถแสดงความรู้สึกทางสีหน้าท่าทางและแววตารวมไปถึงความสามารถในการใช้มือประดิษฐ์สื่อสิ่งต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว4.ปัญญาด้านดนตรี(MusicIntelligence)ความสามารถเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆทางดนตรีมีความรู้สึกไวเกี่ยวกับเสียงสูงต่ำจังหวะและทำนองเข้าใจเนื้อร้องและทำนองได้เป็นอย่างดี5.ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์(SpatialIntelligence)ความสามารถในการมองเห็นรูปร่างของสิ่งต่างๆอย่างถูกต้องตามความกว้างยาวลึกรวมไปถึงการกะระยะทางด้วย

6.ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง(InterpersonalIntelligence)ความสามารถในการรู้จักตนเองและสามารถประพฤติตนได้อย่างถูกต้องจากการรู้จักนั้นได้แก่การรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเองว่ามีข้อดีข้อด้อยอย่างไรบ้างมีความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆอย่างไร7.ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์(IntrapersonalIntelligence)ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นรวมไปถึงความสามารถในการสังเกตการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางของคนอื่นด้วย8.ปัญญาทางด้านความสัมพันธ์กับธรรมชาติ(NaturalistIntelligence)ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวรู้จักสังเกตรูปแบบความเป็นอยู่ของธรรมชาติสามารถกำหนดและจัดหมวดหมู่สิ่งต่างๆและเข้าใจระบบที่เป็นธรรมชาติกับระบบที่มนุษย์สร้างขึ้นได้

ดังนั้นพ่อแม่และครูต้องหาวิธีหาแววอัจฉริยภาพเด็กตั้งแต่อายุ3-10ขวบสังเกตและเข้าใจการแสดงออกของเขาเด็กบางคนอาจมีแววทางกีฬาดนตรีขีดเขียนหรือพูดเก่งแววอัจฉริยะหรือพรสวรรค์ที่แฝงอยู่ในตัวมักจะแสดงให้เห็นตอนยังเล็กอยู่เมื่อพบแล้วรีบจัดการสนับสนุนส่งเสริมให้เต็มที่เมื่อถูกที่ถูกจังหวะเวลาบางทีลูกคุณอาจมีชื่อเสียงระดับชาติเป็นอัจฉริยบุคคลของโลกในเวลาต่อมาโดยที่คุณไม่คาดคิดมาก่อนก็ได้

เพราะก่อนที่เซอร์วินสตันเชอร์ชิลอดีตผู้นำอังกฤษ,ปาโบลปิกาสโซจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่อิตาลีหรืออัลเบิร์ตไอน์สไตน์นักวิทยาศาสตร์ฯลฯจะประสบความสำเร็จเป็นอัจฉริยบุคคลของโลกในวัยเด็กต่างๆล้มเลิกเรียนกลางเทอมเหตุครูดุโง่เรียนอ่อนเขียนเรียงความไม่ได้รายงานหน้าชั้นไม่เป็นสอบได้ที่โหล่ขณะที่นักคณิตศาสตร์อินเดียนามศรีนิวาสารามานุจันไม่สนใจวิชาอื่นมุ่งเรียนคณิตด้วยตนเองตั้งแต่ชั้นประถมต้นจนโตขึ้นคิดสูตรได้ถึง4,000กว่าสูตรทั้งนี้หลักการส่งเสริมจะไม่เน้นเฉพาะเพียงแค่ด้านที่เด็กถนัดอย่างเดียวแต่จะส่งเสริมความเก่งในด้านต่างๆควบคู่ไปด้วยโดยยึดถือหลักซ่อมในด้านที่อ่อนและเสริมในสิ่งที่ถนัดเพราะเด็กยุคใหม่ต้องมีความเก่งรอบด้านและความเก่งในแต่ละด้านก็ไปช่วยเสริมในสิ่งที่เขาถนัดให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ดร.นพ.ยุทธนาภาระนันท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการให้คำปด็กยุคใหม่ควรจะได้รับการพัฒนาความสามารถแบบรอบด้านหรือความสามารถทางด้านอื่นๆควบคู่ไปด้วยหากได้รับการส่งเสริมเฉพาะด้านที่ถนัดมากเกินไปจะขาดส่วนอื่นไปบางคนเป็นเด็กเก่งปัญญาเลิศแต่พูดคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องอยู่ในสังคมไม่ได้จึงอยากจะฝากให้คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญตรงนี้ด้วย

หากผู้ปกครองสามารถค้นพบว่าลูกมีแววความสามารถด้านไหนควรส่งเสริมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่4ขวบไปจนถึง15ปีเพื่อให้สามารถพัฒนาแววความสามารถดังกล่าวให้อยู่ตลอดไปจนถึงระดับอุดมศึกษาแต่ต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านอื่นๆไปด้วยโดยยึดหลักซ่อมในด้านที่อ่อนและเสริมในสิ่งที่ถนัดเพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีคุณภาพต่อไปในอนาคต ดร.นพ.ยุทธนากล่าว

ภานุชนาถทองเจือคุณแม่ด.ญ.ธัยแอนนา อายุ9ขวบซึ่งได้ทดลองใช้เทคโนโลยีดีเอ็มไอสแกนลายนิ้วมือบอกว่าลูกสาวมีแววการแสดงซึ่งตรงกับความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบันและจะได้ส่งเสริมให้ตรงตามความสามารถของลูกต่อไปขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปิดกั้นการเรียนรู้ด้านอื่นๆเพราะเชื่อว่าการเรียนรู้ในทุกๆด้านทั้งเสริมจุดเด่นและเสริมจุดด้อยจะช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขเป็นแนวทางหนึ่งของการเตรียมคนไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนนั่นเอง

0หทัยรัตน์ดีประเสริฐ0

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook