กรมส่งเสริมการเกษตรแจงทางแก้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ

กรมส่งเสริมการเกษตรแจงทางแก้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายโอฬาร พิทักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายวิชาการ เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2549 - 2551 เกิดวิกฤติภาวะน้ำมันปิโตรเลียมในตลาดโลกมีความผันผวน และเกิดกระแสการนำน้ำมันปาล์มไปผลิตไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ จากกิโลกรัมละ 20 บาท เป็น 37 บาท และส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย ทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันขายผลผลิตปาล์มสดได้ราคาสูง

โดยราคาผลปาล์มสดที่เกษตรกรขายได้เพิ่มขึ้นจาก 2.39 บาท/กิโลกรัม ในปี 2549 เป็น 4.07 บาท/กิโลกรัม ในปี 2550 โดยเดือนธันวาคม 2550 เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ราคา 5.95 บาท/กิโลกรัม และราคายังเคลื่อนไหวในระดับเดียวกันจนถึงเดือนกรกฎาคม 2551 จากนั้นราคาเริ่มอ่อนตัวลงเหลือ 4.38 บาท/กิโลกรัม จนถึง 3.68 บาท/กิโลกรัม ในเดือนกันยายน 2551 และขณะนี้ราคาผลปาล์มสดปรับลดลงอยู่ที่ 3.35 บท/กิโลกรัม ซึ่งราคาสินค้าเกษตรจะปรับตัวขึ้นลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก

จากสภาวะดังกล่าวกรมส่งเสริมการเกษตรขอแนะแนวทางการดำเนินงานแก่เกษตรกรในช่วงที่ปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำ ดังนี้ 1) ควรลดต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมัน โดยจำกัดพื้นที่ส่งเสริมการปลูกใหม่ และแนะนำให้เกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมันเฉพาะในเขตที่เหมาะสม ตามการกำหนดเขตปลูกพืชเศรษฐกิจ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งลดต้นทุนด้วยวิธีการเขตกรรม เช่น ส่งเสริมให้ใช้พันธุ์ดี มีการใส่ปุ๋ยตามความต้องการของพืช และคำแนะนำจากการวิเคราะห์ดินและใบปาล์ม

2) แนะให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มสุก ซึ่งจะมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง และไม่ควรเร่งรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ไม่สุกจัด 3) ให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ ประสานงานกับโรงงาน ลานเท และพ่อค้า ในการรับซื้อผลผลิตปาล์มจากเกษตรกร ตามคุณภาพและราคาตลาด โดยไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบเกษตรกรในสถานการณ์ที่ราคาผันผวน

4) แนะนำให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรหรือวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ที่เป็นเกษตรกรรายย่อย เพื่อรวมกันซื้อปัจจัยการผลิต และรวมกันขายผลผลิตให้กับโรงงานสกัดน้ำมันในพื้นที่โดยตรง และส่งเสริมให้มีการปรับปรุงคุณภาพผลผลิตตามความต้องการของโรงงาน หรือสนับสนุนให้มีการซื้อขายตามคุณภาพของผลผลิต (เปอร์เซ็นต์น้ำมัน) ตามข้อตกลง (Contract Farming) ซึ่งจะได้ราคาที่สูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเรียนรู้การดำเนินงานธุรกิจที่มีประสิทธิภาพด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook