ปั้นจนเป็นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน

หนังสือที่มีชื่อใกล้เคียงกัน แต่รูปแบบแตกต่างกัน เพราะตอบสนองคนอ่านคนละกลุ่ม นั่นคือ เป็นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน ที่นำเสนอในรูปแบบการ์ตูนความรู้อ่านสนุกสำหรับคุณหนูๆ ผู้คิดการใหญ่ วางแผนเงิน ด้วยตัวเอง และ ปั้นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน ซึ่งผู้เขียนบอกว่า เป็นคู่มือสำหรับพ่อแม่รุ่นใหม่ใช้จับทางวางแผนชีวิตให้ลูกอย่างถูกทิศ

สำหรับหนังสือเล่มแรก เป็นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน นั้น ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในเรื่องการบริหารจัดการลงทุน ในฐานะของคอลัมนิสต์ตามสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ บอกถึงหนังสือเล่มนี้ไว้อย่างสนใจว่า สิ่งที่ใส่ในสมองเด็ก ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่หว่านเพาะไว้ และ ลีลาท่วงท่า สำคัญกว่าน้ำยา

// //

ทั้งสองคำกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับหนังสือ เป็นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน อย่างน่าชื่นชม หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้ในเรื่องการจัดการเงินสำหรับวัย 15 ขวบ ซึ่งเป็นทั้งการให้น้ำยาและเพาะหว่านในเวลาเดียวกัน ยิ่งเมื่อมีการนำเสนอแบบบุ๊กการ์ตูน อันเป็นลีลาท่วงทีที่น่าสนใจ การหว่านเพาะความคิดในเรื่องการจัดการเงิน จึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.วรากรณ์ บอกว่า ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้อยากเห็นเด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสเข้าใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าใจหายใจคว่ำ

เป็นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน มิได้สอนให้ใช้เงินเป็นเท่านั้น หากยังสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน การใช้ชีวิตแนวเศรษฐกิจพอเพียง การแบ่งปันและการหาความสุขจากชีวิตอีกด้วย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการระบุ

ขณะที่หนังสือที่เป็นคู่มือสำหรับพ่อแม่อย่าง ปั้นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน นั้น สำนักพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ บิสบุ๊ก บอกไว้ว่า สอนลูกๆ ให้รู้จักใช้เงิน ใครว่าง่ายซะที่ไหน ก็ขนาดผู้ใหญ่ยังเบ้หน้า เห็นว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องยาก เลย แถมสถานการณ์ตอนนี้ เด็กๆ ถูกประชิดด้วยสิ่งเร้าใจรอบตัว ซึ่งทุกรายการเป็นการจ่ายสตางค์ทั้งนั้น ดังนั้นการจะสอนเด็กเรื่องการเงินเพียงแค่หยอดกระปุก คงเอาไม่อยู่เสียแล้ว

พ่อแม่ยุคนี้คงต้องครบเครื่องเรื่องไอเดียสอนลูก ทั้งการรู้จักใช้ รู้จักจ่าย รู้จักวางแผน รู้จักลงทุน รู้จักบริจาค และรู้จัก....ฯลฯ จะให้ลูกๆ เรียนรู้เองแบบผิดๆ ถูกๆ หรือฝากความหวังกับโรงเรียนคงไม่ทันกาล เพราะฉะนั้น พ่อแม่นั่นแหละที่สามารถเตรียม สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้

ด้วยข้อมูลสนุกๆ ไอเดียเก๋ๆ จากหนังสือ ปั้นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน จะช่วยให้พ่อแม่พัฒนาการรู้จักบริหารเงิน การรู้จักรับผิดชอบเรื่องเงินๆ ทองๆ ของเด็กๆ ให้พวกเขาได้เรียนรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง เมื่อได้เห็นตัวอย่างที่น่าทึ่งจากหนังสือเล่มนี้

ปั้นเศรษฐีน้อยจากร้อยสู่ล้าน จะช่วยคุณพ่อคุณแม่จับทางด้านการสร้างทักษะการเงินให้แก่ลูกๆ ได้อย่างถูกทิศ

ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้ ยังอยู่ที่บทสัมภาษณ์นักบริหารเงินที่จะพูดถึงวิธีการสอนลูกๆ ให้คุณพ่อคุณแม่เพื่อให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก ตัวอย่างเช่น สุวภา เจริญยิ่ง นักการเงินหญิงที่แนะนำว่า สำหรับวัยกระเตาะ ต้องเน้น 2 เรื่อง ได้แก่ ฝึกให้ลูกทำด้วยตัวเองและถ้าจะให้ดี พ่อแม่ต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

ส่วนเด็กๆ วัยทีน ซึ่งเป็นวัยที่อยากได้โน่นได้นี่นั้น สุวภา แนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องสรรหากิจกรรมที่ลูกชอบ รวมทั้งต้องฝึกให้เด็กๆ ทำงานเพื่อหารายได้พิเศษ และสุดท้ายคือ สอนให้รู้จักบริหารเงิน โดยไม่ลืมสูตรอมตะที่ว่า อยากซื้ออะไรต้องจ่ายเอง

ขณะที่ วรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง บอกว่า ลูกของเธอไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ขอให้มีความสุขอย่างง่ายๆ เหมาะสมตามวัย เป็นคนดี และใช้เงินให้เป็น

วรวรรณ เห็นว่า ต้องปลูกฝังนิสัยรักการออมให้ลูกตั้งแต่เด็กๆ โดยไม่ต้องรอให้โต วิธีสอนของเธอจะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเอง โดยหัดให้ลงบัญชีเป็นรายเดือนในโปรแกรมเอ็กเซลที่คุณแม่เป็นคนทำให้ และให้ลูกเป็นคนลงบัญชีทุกวัน

ท้ายที่สุด หนังสือทั้งสองเล่มยังพิเศษตรงที่มีสมุดบัญชีเศรษฐีน้อยช่วยบันทึกรายได้รายจ่ายของคุณหนูๆ แถมให้อีกด้วย ใครที่สนใจหนังสือสองเล่มนี้ลองโทรไปสอบถามที่สำนักพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ บิสบุ๊ค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2338-3383 เนื่องเพราะเป็นหนังสือที่วางแผงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะวางแผงมาเมื่อไร เรื่องเงินๆ ทองๆ ฉบับเยาวชนแบบนี้ก็ใช้ได้กับ วันเด็ก ของทุกๆ ปีอย่างแน่นอน

ขวัญชนก วุฒิกุล

k_wuttikul@hotmail.com

เสียงเล็กๆ นวันเด็กขอนายกฯช่วยคนไทยรักกัน

วันเด็กแห่งชาติปีนี้...ผู้ปกครองต่างพาบุตรหลานไปเที่ยวชมตามสถานที่ต่างๆ ที่เปิดเป็นพื้นที่ต้อนรับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะ ทำเนียบรัฐบาล ที่เคยโอ่อ่ากว้างใหญ่ กลับแคบลงไปถนัดตา