จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองไทยเกือบทั้งประเทศ โดยเฉพาะตั้งแต่ภาคเหนือไล่ลงมาถึงภาคกลางตอนล่าง รวมถึงภาคอีสาน ความยาวนานกินเวลาแรมเดือนของการไหล่บ่าของน้ำและฟ้าฝนที่โหมกระหน่ำ น่าจะเรียกน้ำท่วม 2554 ครั้งนี้ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดเป็น ‘มหาอุทกภัย' ที่กระจายตัวไปทั่ว และมีผลกระทบรุนแรงที่สุดจนถึงขั้นวิกฤตสถานการณ์ฉุกเฉินหลายจังหวัด ทำลายพื้นที่เกษตรกรรมเสียหายไปกว่า 8 ล้านไร่ บ้านเรือน ถนนหนทาง และโรงงานอุตสาหกรรมเสียหายอย่างไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ในขณะนี้ เรียกได้ว่าภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้ของประเทศไทยรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ

ด้วยเจตนารมณ์ของลามิน่าฟิล์ม ที่ต้องการบรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องคนไทยด้วยกันเท่าที่พอจะทำได้ คุณจันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด เป็นแกนนำเหล่าอาสาลามิน่า รวบรวมทุนทรัพย์พร้อมกำลังกายและใจ ช่วยกันจัดถุงยังชีพอันประกอบไปด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค พร้อมอุปกรณ์ยังชีพกว่า 15 รายการ จำนวนกว่า 760 ชุด มูลค่าชุดละ 500 บาท พร้อมเรือ 2 ลำ เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ความช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ถึง

ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ด้วยจิตอาสาของชาวลามิน่า ที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติ ทีมอาสาลามิน่ารวมตัวกันจัดเตรียมงาน ตั้งแต่จัดซื้อข้าวของเพื่อเตรียมถุงยังชีพ ประสานงานเรื่องรถที่จะเข้าพื้นที่กับกลุ่มกระทิงโทน เนื่องจากเป็นทีมที่เข้าพื้นที่เป็นประจำ จะทราบถึงพื้นที่ที่ยังขาดความช่วยเหลือ นอกจากนี้ทีมกระทิงโทนยังรับอาสาประสานงานพื้นที่ที่จะเข้าแจกถุงยังชีพ ตามเจตนาของทีมอาสาลามิน่าที่ต้องการเข้าพื้นที่ลึกที่สุดเท่าที่รถจะไปได้ เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงผู้ประสบภัยที่ขาดแคลนที่สุด

จากนั้นเป็นหน้าที่ของทีมอาสาลามิน่า จัดหัวหน้าทีมจากอาสาลามิน่าสานฝัน ผู้มีประสบการณ์ด้านจัดกระเป๋าสานฝันให้แก่เด็กนักเรียนในโครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียนมากว่า 10 โครงการในระยะเวลา 11 ปีแล้ว แต่ครั้งนี้ถือเป็นงานที่ท้าทายมาก เนื่องจากของที่จัดเตรียมมีปริมาณมากและการเตรียมงานมีเวลาจำกัด โดยแบ่งการจัดเตรียมงานของเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก จัดหาของเพื่อบรรจุในถุงยังชีพ ช่วงที่สอง ประสานงานเรื่องรถเข้าพื้นที่ เตรียมคนเตรียมความพร้อมให้ทีมอาสาลามิน่าที่จะลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพื่อให้พวกเขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

ด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย และอาสาสมัครลามิน่าทุกคนที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงเงินช่วยเหลือผ่านทางศูนย์ตัวแทนจำหน่ายฟิล์มกรองแสงลามิน่า และประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าวจากเฟซบุ้คได้บริจาคเงินสมทบ บางท่านบริจาคของ บางส่วนมาช่วยจัดถุงยังชีพจนเสร็จ บางท่านมาช่วยขนของขึ้นรถ ตลอดจนสื่อมวลชนทุกท่านที่ทราบข่าวได้ร่วมประชาสัมพันธ์ให้ลามิน่าฟิล์มเป็นอย่างดี

เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2554 ทีมอาสาลามิน่า พร้อมทีมกระทิงโทน และกัลยาณมิตรสื่อมวลชนบางส่วน ช่วยกันลำเลียงถุงยังชีพขึ้นรถอ๊อฟโร้ดของสมาชิกทีมกระทิงโทน แล้วออกเดินทางมุ่งสู่พื้นที่ประสบภัย ตลอดเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พวกเราเห็นขบวนรถหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ประสบภัย ทั้งรถกู้ภัย, รถ อปพร., รถกลุ่มอ๊อฟโร้ดต่างๆ, รถประชาชนที่มีจิตอาสาขนของบริจาคใส่รถกระบะเพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เป้าหมายที่ทีมอาสาลามิน่าจะเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ที่อำเภอบางปะหัน โดยมีตัวแทนชุมชนผู้ชำนาญการด้านพื้นที่เป็นผู้นำคณะเข้าพื้นที่ และได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ของตำบลบ้านลี่ ให้เป็นผู้แทนออกมารับถุงยังชีพบางส่วนเพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่ลูกบ้าน รถที่ขับเข้าไปได้เป็นรถของทีมกระทิงโทนจำนวน 12 คัน ส่วนรถที่ขนของที่เหลือจอดรออยู่ที่ตัวอำเภอเมืองอยุธยา สภาพของกรุงเก่าของประเทศไทยวันนี้ดูสับสนอลหม่าน ผู้คนอพยพหนีภัยน้ำท่วมออกมาอยู่ตามถนน บางส่วนอยู่เฝ้าบ้านเฝ้าทรัพย์สินที่ยังเหลืออยู่ แต่สิ่งของอุปโภคบริโภคมีไม่เพียงพอ

เนื่องจากจำนวนรถมีจำกัด ทีมอาสาลามิน่าส่วนหนึ่งจึงนั่งหลังกระบะรถทีมกระทิงโทนเข้าพื้นที่ ท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวนตลอดวัน มีฝนตกปรอยๆ สลับฝนตกหนัก หลังฝนตกกลับมีแดดออกแรงมาก จนกลายเป็นร้อนอบอ้าว พวกเราใช้ถนนสายเอเซียในการเดินทางสู่ อ.บางปะหัน สภาพถนนมีน้ำท่วมสูงประมาณ 50 เซ็นติเมตร บางช่วงน้ำไหลแรงเหมือนแก่งน้ำตก ตลอดเส้นทาง พวกเราจอดแจกถุงช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมื่อรถจอดพี่น้องที่ประสบภัยจะวิ่งตามรถร้องขอความช่วยเหลือต่างๆ "ขอน้ำให้ฉันหน่อย ขอข้าวสารให้ฉันบ้าง คนข้างในยังติดอยู่อีกมากไม่มีอะไรจะกินแล้ว ช่วยฉันด้วย" สภาพไม่ต่างจากศูนย์อพยพเท่าไรนัก มีแต่ความชลมุนวุ่นวาย ทุกคนต้องการความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าวที่มาอาศัยในประเทศไทย

คณะเราไปถึงปากทางเข้า อ.บางปะหัน เกือบบ่ายโมงครึ่ง เดิมทีมอาสาลามิน่าตั้งใจว่าจะลงเรือไปแจกของตามบ้าน แต่เนื่องจากเรือของทหารบกบริเวณนั้นมีอยู่แค่ 2 ลำ ในขณะที่ความเดือดร้อนกระจายวงกว้างมากทำให้เรือไม่เพียงพอ จึงนำถุงยังชีพ 200 ถุงพร้อมน้ำดื่มวางไว้ที่ถนนแล้วให้พี่น้องหมู่ 3 เฝ้าเพื่อรอเรือลำเลียงเข้าหมู่บ้านต่อไป จากนั้นส่งตัวแทนบางท่านพร้อมถุงยังชีพ 30 ถุง เข้าไปที่วัดประมุง ซึ่งเป็นพื้นที่สูงที่เดียวของบ้านหมู่ 3 และตั้งเป็นศูนย์อพยพ พี่น้องที่อยู่ที่วัดดีใจกันมากที่ ทีมกลับออกมาถึงที่ถนนเกือบบ่ายสามโมง จากนั้นนำเรือที่เตรียมมาพร้อมเสื้อชูชีพอีกจำนวนหนึ่งให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยราชการไว้ใช้งาน และยังมอบถุงยังชีพอีกส่วนหนึ่งให้พี่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ที่ออกมาขอความช่วยเหลือให้ลูกบ้าน พวกเราได้แต่เป็นกำลังใจให้พี่น้องทุกคนต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้ได้

จากนั้นคณะอาสาลามิน่ามุ่งสู่วัดโตนด ซึ่งปากทางเข้าน้ำท่วมลึกถึงซุ้มล้อรถพี่กระทิงโทนที่ยกสูงและใส่ยางใหญ่ หนำซ้ำน้ำยังไหลแรงมากอีกด้วย เป็นภาพที่ลุ้นระทึกทั้งคนขับ คนนั่ง และผู้คนที่คอยให้กำลังใจอยู่บนถนนเป็นอย่างมาก มีพี่ชาวบ้านคนหนึ่งขออาศัยรถกลับเข้าบ้านด้วย เล่าให้ฟังว่า "ตอนน้ำมามาเร็วมาก อบต.ประกาศอีกครึ่งชั่วโมงน้ำจะเข้าโจมตี ไม่ถึงสิบนาทีน้ำมาถึงแล้วและแรงด้วย ลูกคนเล็กลอยไปกับน้ำดีที่คว้าไว้ได้ทันไม่งั้นคงเกิดเรื่องเศร้าสลดขึ้นแน่นอน" หน้าวัดโตนดตั้งเต๊นท์ของหมู่บ้านไว้ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลเลย พวกเราออกจากพื้นที่กันเกือบหกโมงเย็น

ตลอดเส้นทางที่รถวิ่งกลับมาพี่น้องตามท้องถนนตะโกนขอบคุณพวกเรา บางคนยกมือไหว้ท่วมหัว บางคนโบกไม้โบกมือ ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มตื้นตัน ทีมอาสาลามิน่าอยากจะบอกพี่น้องเราทุกคนว่า วิกฤตของประเทศครั้งนี้เราจะร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา มีแต่คนไทยเท่านั้นที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามพันธะสัญญา "ลามิน่าเติบโตเคียงคู่สังคมไทย"

อัลบั้มภาพ ลามิน่าฟิล์มช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ภาพที่ 4 / 6

ลามิน่าฟิล์มช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย