ลุงเครียดน้ำเข้าบ้านมีดินโคลนกั้น

เจ้าหน้าที่วิทยุของ สภ.สามโคก ได้รับแจ้งเหตุว่ามีชาวบ้านข้างวัดตำหนัก ถนนสามโคกสายเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ม.1 ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ว่าชายสูงอายุอาการเกิดอาการเครียดจากน้ำท่วมบ้าน และหน้าบ้านมีคันดินกั้นทำให้ดินไหลเข้าบ้านเลอะเถอะ จึงได้ออกมาหน้าบ้านใช้ผัวตักดินออกไปกองกลางถนนทำให้น้ำเริ่มจะไหลเข้าพื้นที่ชั้นใน และได้ใช้ผัวตักดินห้ามชาวบ้านเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมา นายสกล แก้วปวงคำ ปลัดอำเภอสามโคก พ.อ.อ.วัชรพล กระตุดเงิน ปลัดเทศบาลสามโคก เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ยกกำลังไปห้ามปราบที่บ้านเลขที่ 6/12 ม.1 ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พบนายพนม ชูธง อายุ 62 ปี กำลังต่อว่าต่อเถียงกับชาวบ้านที่ได้มาห้ามรื้อคันดินทำให้ นางหนูแดง ชูธง ภรรยา เจ้าของบ้านอยู่ชั้นบนได้ใช้ไม้พื้นที่รื้นเก็บไว้ชั้นบนโยนลงมายังกลุ่มคนแต่ไม้ตกบนหลังคา ปลัดสกล แก้วปวงคำจึงเข้าไปพูดคุยด้วยกับนายมงคล วิไลลักษณ์ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นหลายชายเจ้าของบ้าน ปรากฏว่านายพนม ชูธง ไม่พอใจหลายชายเอามือตบหน้าหลายไปฉาดใหญ่ ทำให้มีการห้ามปราบ และทาง ปลัดพ.อ.อ.วัชรพล กระตุดเงิน ได้รับปากกับนายพนม ว่าจะขนดินออกจากหน้าบ้านให้หมดเดี่ยวนี้เลยแต่ขอนำกระสอบทรายตั้งแทน จึงตกลงกันได้ และจะมาดูแลบ้านให้ภายหลัง
และจากการตรวจสอบบ้านของนายพนม ชูธง พบว่ารอบบ้านได้ใช้อิฐบ๊อกกั้นน้ำสูงขึ้นมาประมาณ 6 ก้อน แต่น้ำก็รั่วเข้าเต็มบ้านทำให้ผู้ที่อยู่ในบ้านเดือดร้อนไปตามกัน และยังมาเจอปัญหาที่ทางเทศบาลนำดินมาตั้งคันหน้าบ้านแต่เป็นดินเหลวทำให้ดินไหลเข้าบ้านเกิดความเครียดขึ้นจึงได้รื้อคันดินแล้วชาวบ้ามาห้ามปราบจึงเกิดปากเสียงกันขึ้นและมาตกลงกันได้.
และจากการตรวจสอบบ้านของนายพนม ชูธง พบว่ารอบบ้านได้ใช้อิฐบ๊อกกั้นน้ำสูงขึ้นมาประมาณ 6 ก้อน แต่น้ำก็รั่วเข้าเต็มบ้านทำให้ผู้ที่อยู่ในบ้านเดือดร้อนไปตามกัน และยังมาเจอปัญหาที่ทางเทศบาลนำดินมาตั้งคันหน้าบ้านแต่เป็นดินเหลวทำให้ดินไหลเข้าบ้านเกิดความเครียดขึ้นจึงได้รื้อคันดินแล้วชาวบ้ามาห้ามปราบจึงเกิดปากเสียงกันขึ้นและมาตกลงกันได้.