ศธ.เผยร.ร.2พันโรงน้ำท่วมของบ1.2พันล.ช่วย
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ในรายการเปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง FM 102.75 MHz ถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในขณะนี้นั้น การปิดโรงเรียนสามารถอยู่ในดุลพินิจของ ผอ.โรงเรียน หรือสถานศึกษานั้นได้ทันที โดยในการเลื่อนสอบแกต - แพท จะเลื่อนออกไปอีก 1 เดือน เป็นปลายเดือนพฤศจิกายนล่าสุด โรงเรียนได้รับความเสียหายกว่า 2,000 แห่งแล้ว โดยบางส่วนอยู่ในภาคเหนือตอนบน ซึ่งน้ำแห้งแล้ว กระทรวงศึกษาธิการเริ่มดำเนินการซ่อมแซมโรงเรียนที่เสียหาย โดยใช้นักเรียน นักศึกษาอาชีวะช่วย โดยทางโรงเรียนสามารถขอรับการช่วยเหลือเบื้องต้นได้ตลอดเวลา และหากน้ำลดแล้ว ในต้นเดือนตุลาคมจะเร่งดำเนินการฟื้นฟูเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย
สำหรับโรงเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม จะรีบจัดอุปกรณ์ใหม่ให้ทันที เช่น คอมพิวเตอร์ หากจะประเมินความเเสียหายของโรงเรียน ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งต้องของบประมาณจากรัฐบาลซึ่งเป็นงบกลาง และอีกส่วนหนึ่งจากงบประมาณของกระทรวงเอง ประมาณ 500 - 600 ล้านบาท
ส่วนกรณีเงินสนับสนุนการศึกษาพิเศษของโรงเรียนนั้น ในกระทรวงศึกษาธิการ มีโรงเรียนพิเศษ กว่า 200 แห่ง โดยแต่ละโรงเรียนมีประมาณ 2 ห้อง ที่จัดเก็บเงินจากผู้ปกครองที่มีความพร้อม ยืนยันว่าไม่ใช่การแลกแป๊ะเจี๊ยะ เพื่อให้ได้เข้าเรียน เป็นคนละกรณีกัน ซึ่งนโยบาย คือ จะเพิ่มห้องเรียนพิเศษมากขึ้น ในโรงเรียนที่มีความพร้อม เพื่อลดการสนับสนุนเงินจากรัฐ และจะได้นำเงินไปช่วยนักเรียนที่ขาดแคลนและด้อยโอกาส
โดย ล่าสุด สพฐ.สำรวจความต้องการของโรงเรียนที่ต้องการทำแบบนี้อยู่ และยืนยันว่ามีใบเสร็จที่ถูกต้องแน่ ส่วนการแจกแท็บเล็ต แก่เด็กนัเรียนนั้น ให้ มศว. ไปศึกษาวิจัยว่า ผลดีผลเสียแก่เด็กหรือไม่ แต่เรื่องเครื่องไม่มีปัญหา เพียงแต่
ดูความพร้อมของเด็กมากกว่า
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ซึ่งได้รับมอบ
หมายจากนายกรัฐมนตรี ในการกำกับดูแลแก้ปัญหาน้ำท่วมใน จ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสำรวจพบ
ว่า สถานการณ์น้ำค่อนข้างทรงตัว จึงพยายามที่จะหาทางในการแก้ไขเยียวยาหลังจากน้ำลดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตเรื่องอุปกรณ์การเตือนภัยและบุคลากรการเตือนภัย ว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือทันสมัย ในการเตือนประชาชนหรือไม่นั้น รมว.ICT ระบุว่า ต้องยอมรับว่า ในเวลานี้ประเทศของเรามีอุปกรณ์ที่ถือว่ามีความทันสมัยในระดับหนึ่ง ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็มีอุปกรณ์ดังกล่าว รวมถึงบุคลาการมากพอสมควร แต่ก็ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก และได้มีการพยายามบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งในระดับปฏิบัติการและระดับบริหารแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีการพัฒนาไปอีกระดับต่อไป
สำหรับโรงเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม จะรีบจัดอุปกรณ์ใหม่ให้ทันที เช่น คอมพิวเตอร์ หากจะประเมินความเเสียหายของโรงเรียน ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งต้องของบประมาณจากรัฐบาลซึ่งเป็นงบกลาง และอีกส่วนหนึ่งจากงบประมาณของกระทรวงเอง ประมาณ 500 - 600 ล้านบาท
ส่วนกรณีเงินสนับสนุนการศึกษาพิเศษของโรงเรียนนั้น ในกระทรวงศึกษาธิการ มีโรงเรียนพิเศษ กว่า 200 แห่ง โดยแต่ละโรงเรียนมีประมาณ 2 ห้อง ที่จัดเก็บเงินจากผู้ปกครองที่มีความพร้อม ยืนยันว่าไม่ใช่การแลกแป๊ะเจี๊ยะ เพื่อให้ได้เข้าเรียน เป็นคนละกรณีกัน ซึ่งนโยบาย คือ จะเพิ่มห้องเรียนพิเศษมากขึ้น ในโรงเรียนที่มีความพร้อม เพื่อลดการสนับสนุนเงินจากรัฐ และจะได้นำเงินไปช่วยนักเรียนที่ขาดแคลนและด้อยโอกาส
โดย ล่าสุด สพฐ.สำรวจความต้องการของโรงเรียนที่ต้องการทำแบบนี้อยู่ และยืนยันว่ามีใบเสร็จที่ถูกต้องแน่ ส่วนการแจกแท็บเล็ต แก่เด็กนัเรียนนั้น ให้ มศว. ไปศึกษาวิจัยว่า ผลดีผลเสียแก่เด็กหรือไม่ แต่เรื่องเครื่องไม่มีปัญหา เพียงแต่
ดูความพร้อมของเด็กมากกว่า
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ซึ่งได้รับมอบ
หมายจากนายกรัฐมนตรี ในการกำกับดูแลแก้ปัญหาน้ำท่วมใน จ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสำรวจพบ
ว่า สถานการณ์น้ำค่อนข้างทรงตัว จึงพยายามที่จะหาทางในการแก้ไขเยียวยาหลังจากน้ำลดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตเรื่องอุปกรณ์การเตือนภัยและบุคลากรการเตือนภัย ว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือทันสมัย ในการเตือนประชาชนหรือไม่นั้น รมว.ICT ระบุว่า ต้องยอมรับว่า ในเวลานี้ประเทศของเรามีอุปกรณ์ที่ถือว่ามีความทันสมัยในระดับหนึ่ง ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็มีอุปกรณ์ดังกล่าว รวมถึงบุคลาการมากพอสมควร แต่ก็ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก และได้มีการพยายามบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งในระดับปฏิบัติการและระดับบริหารแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีการพัฒนาไปอีกระดับต่อไป