สื่อชี้ทักษิณใกล้ไทยส่อเค้าตึงเครียดอีก
WSJ ของสหรัฐ รายงาน สถานการณ์ทางการเมืองของไทย โดยระบุว่า ช่วงระหว่างหลังการเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทย เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 64 ปี พยายามกล่าวซ้ำ ๆ ว่า จะหลีกเลี่ยงแซกแทรงการตัดสินใจทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่จะช่วยแนะแนวทางเรื่อง
นโยบายเศรษฐกิจแทน
โดย นักวิเคราะห์ ต่างมองว่า นั่นคือกลยุทธ์อันแยบยลในการลดความตึงเครียด ระหว่างกลุ่มผู้ที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ กับกองทัพ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโค่นอำนาจรัฐบาลทักษิณ และยังคงมีบทบาทสำคัญในตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หลังการรัฐประหาร ปี 2549
เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางเยือน ประเทศญี่ปุ่นและกัมพูชา ขณะที่ ผู้สนับสนุนพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ที่จะช่วยให้ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นี้ พ้นโทษที่ติดตัวอยู่ทั้งหมด หลังต้องเนรเทศตัวเองไปอยู่ในต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุก ตั้งแต่ ปี 2551
ขณะที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เตรียมพิจารณา คืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้เหตุผลว่า เพราะถูกตัดสินโทษด้วยเหตุผลทางการเมือง หลังถูกยึดพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถือพาสปอร์ตของประเทศมอนเตเนโกร มาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังมองหาวิธีที่จะช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย ผ่านการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นไปได้ที่ฝ่ายนิติบัญญัติบางคน อาจจะผลักดันบางอย่างในการแก้ไขกฎหมาย นับตั้งแต่การรัฐประหาร ในปี 2006 ด้าน นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ต่อไปนี้อาจเกิดความตึงเครียดขึ้นในลักษณะวงล้อ ระหว่างภาครัฐ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ผู้ที่มีอำนาจในการควบคุม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.
ด้าน นายพลระดับสูงของรัฐบาลไทย กลับมุ่งมั่นที่จะป้องกัน พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากการรบกวนของทหาร โดยปฏิบัติการบางประการ ที่อ้างว่า เป็นการสับเปลี่ยนกำลังพลประจำปี ทำให้มีแนวโน้มว่า ผู้ใกล้ชิดและเป็นมือดีของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจถูกโยกย้ายออกจากกองทัพ รวมถึง นายทหารอีกหลายนาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำลังสำคัญในการช่วยงาน ผู้บัญชาการทหารบก
ของไทย
นโยบายเศรษฐกิจแทน
โดย นักวิเคราะห์ ต่างมองว่า นั่นคือกลยุทธ์อันแยบยลในการลดความตึงเครียด ระหว่างกลุ่มผู้ที่ให้การสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ กับกองทัพ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโค่นอำนาจรัฐบาลทักษิณ และยังคงมีบทบาทสำคัญในตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หลังการรัฐประหาร ปี 2549
เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางเยือน ประเทศญี่ปุ่นและกัมพูชา ขณะที่ ผู้สนับสนุนพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ที่จะช่วยให้ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นี้ พ้นโทษที่ติดตัวอยู่ทั้งหมด หลังต้องเนรเทศตัวเองไปอยู่ในต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุก ตั้งแต่ ปี 2551
ขณะที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เตรียมพิจารณา คืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้เหตุผลว่า เพราะถูกตัดสินโทษด้วยเหตุผลทางการเมือง หลังถูกยึดพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถือพาสปอร์ตของประเทศมอนเตเนโกร มาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังมองหาวิธีที่จะช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย ผ่านการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นไปได้ที่ฝ่ายนิติบัญญัติบางคน อาจจะผลักดันบางอย่างในการแก้ไขกฎหมาย นับตั้งแต่การรัฐประหาร ในปี 2006 ด้าน นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ต่อไปนี้อาจเกิดความตึงเครียดขึ้นในลักษณะวงล้อ ระหว่างภาครัฐ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ผู้ที่มีอำนาจในการควบคุม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.
ด้าน นายพลระดับสูงของรัฐบาลไทย กลับมุ่งมั่นที่จะป้องกัน พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากการรบกวนของทหาร โดยปฏิบัติการบางประการ ที่อ้างว่า เป็นการสับเปลี่ยนกำลังพลประจำปี ทำให้มีแนวโน้มว่า ผู้ใกล้ชิดและเป็นมือดีของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจถูกโยกย้ายออกจากกองทัพ รวมถึง นายทหารอีกหลายนาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำลังสำคัญในการช่วยงาน ผู้บัญชาการทหารบก
ของไทย