หอการค้าชี้วิกฤติศก.US,EUอาจแรงปีหน้า

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง กรณีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป ว่าปัญหาดังกล่าวนั้น เชื่อ จะยังคงยืดเยื้อต่อไปและอาจทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในปีหน้า ซึ่งคาดว่า จะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หรือ GDP ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1 เท่านั้น แต่ปัญหาดังกล่าวก็คงจะไม่ทำให้ อัตราการขยายตัวติดลบ อย่างไรก็ตาม มองว่า จากปัญหาดังกล่าวคงไม่ทำให้การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ได้รับผลกระทบ เนื่องจาก เศรษฐกิจในอาเซียนยังคงขยายตัวได้ดี แต่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอลงในภูมิภาคนี้
นายธนววธน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนการดูแลอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เชื่อว่า ในระยะนี้จะยังคงไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน แต่ก็คงไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเช่นกัน เนื่องจาก เศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ ยังไม่ได้ทรุดตัว หรือ ถดถอยลง จนต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
นอกจากนี้นายธนวรรธน์ ได้เปิดเผย ผลการประเมินความเสียหายจากปัญหาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศว่า จากผลการประเมิน พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม - วันที่ 21 กันยายน 2554 คาดว่า จะมีความเสียหายจากภัยพิบัติไม่ต่ำกว่า 32,409.3 ล้านบาท และจะมีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ GDP ประมาณ ร้อยละ 0.3 - 0.4
อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมความเสียหายทั้งปีนี้ ก็เชื่อว่า จะอยู่ที่ประมาณ 58,494.6 ล้านบาท หรือ มีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 0.5 - 0.7
นายธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากปัญหาภัยพิบัติเกิดขึ้นนั้น มองได้ว่า เทียบเท่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแต่ละปี ซึ่งในเรื่องนี้ คงต้องมีการแก้ไขอย่างบูรณาการ เพื่อไม่ให้การกระตุ้นเศรษฐกิจสูญเสียเม็ดเงินโดยเปล่าประโยชน์
นายธนววธน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนการดูแลอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เชื่อว่า ในระยะนี้จะยังคงไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน แต่ก็คงไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเช่นกัน เนื่องจาก เศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ ยังไม่ได้ทรุดตัว หรือ ถดถอยลง จนต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
นอกจากนี้นายธนวรรธน์ ได้เปิดเผย ผลการประเมินความเสียหายจากปัญหาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศว่า จากผลการประเมิน พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม - วันที่ 21 กันยายน 2554 คาดว่า จะมีความเสียหายจากภัยพิบัติไม่ต่ำกว่า 32,409.3 ล้านบาท และจะมีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ GDP ประมาณ ร้อยละ 0.3 - 0.4
อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมความเสียหายทั้งปีนี้ ก็เชื่อว่า จะอยู่ที่ประมาณ 58,494.6 ล้านบาท หรือ มีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 0.5 - 0.7
นายธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากปัญหาภัยพิบัติเกิดขึ้นนั้น มองได้ว่า เทียบเท่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแต่ละปี ซึ่งในเรื่องนี้ คงต้องมีการแก้ไขอย่างบูรณาการ เพื่อไม่ให้การกระตุ้นเศรษฐกิจสูญเสียเม็ดเงินโดยเปล่าประโยชน์