สื่อออกแถลงการณ์ขอให้ทุกฝ่ายยุติคุกคาม
จากกรณีที่มีการเปิดเผยว่า นักข่าวช่อง 7 รายหนึ่ง ถูกคุกคามการทำหน้าที่จากฟอร์เวิร์ดเมล์ของกลุ่มบุคคลที่มีข้อความปลุกระดมให้ประชาชนเกิดความเกลียดชัง ด้วยการโพสต์ภาพถ่ายและชื่อ-นามสกุล ด้วยข้อความที่ว่า "เปิดโฉมหน้านักข่าวที่ทำให้ นายกฯปู เดินหนี จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดการให้หน่อยก็แล้วกันครับ" ซึ่งข้อความดังกล่าว เป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพ และการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างชัดแจ้ง
ทำให้สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน ดังนี้
1. ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า สื่อมวลชน ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ทำหน้าที่รายงานข่าว สัมภาษณ์ ซักถาม เพื่อต้องการข้อเท็จจริงตามหน้าที่ของตน ไม่ใช่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร จึงไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของการข่มขู่ คุกคาม และแทรกแซง ไม่ว่าจากฝ่ายใด ซึ่งหากสื่อถูกข่มขู่และคุกคามจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูลและข้อเท็จจริง
2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 28 บัญญัติว่า "บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น" เพราะฉะนั้น กลุ่มคนที่มีความเห็นแตกต่างกันในทางการเมือง ต้องไม่ใช้วิธีการที่เป็นการละเมิด ข่มขู่ คุกคาม สิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
3. สำหรับประชาชนกลุ่มต่างๆ ซึ่งอาจมีจุดยืน หรือความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน ก็ควรใช้ความอดกลั้น ความเข้าใจ มีสติยับยั้ง ในการสนับสนุนกลุ่ม หรือพรรคการเมืองใด โดยติดตามข่าวสารอย่างมีสติ อย่าได้เชื่อข่าวสารที่ปราศจากการตรวจสอบถึงแหล่งที่มาที่ชัดเจน ซึ่งอาจยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ ยึดถือประโยชน์ของสาธารณะและประเทศชาติเป็นหลัก
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
26 สิงหาคม 2554
ทำให้สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน ดังนี้
1. ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า สื่อมวลชน ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ทำหน้าที่รายงานข่าว สัมภาษณ์ ซักถาม เพื่อต้องการข้อเท็จจริงตามหน้าที่ของตน ไม่ใช่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร จึงไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของการข่มขู่ คุกคาม และแทรกแซง ไม่ว่าจากฝ่ายใด ซึ่งหากสื่อถูกข่มขู่และคุกคามจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูลและข้อเท็จจริง
2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 28 บัญญัติว่า "บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น" เพราะฉะนั้น กลุ่มคนที่มีความเห็นแตกต่างกันในทางการเมือง ต้องไม่ใช้วิธีการที่เป็นการละเมิด ข่มขู่ คุกคาม สิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
3. สำหรับประชาชนกลุ่มต่างๆ ซึ่งอาจมีจุดยืน หรือความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน ก็ควรใช้ความอดกลั้น ความเข้าใจ มีสติยับยั้ง ในการสนับสนุนกลุ่ม หรือพรรคการเมืองใด โดยติดตามข่าวสารอย่างมีสติ อย่าได้เชื่อข่าวสารที่ปราศจากการตรวจสอบถึงแหล่งที่มาที่ชัดเจน ซึ่งอาจยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ ยึดถือประโยชน์ของสาธารณะและประเทศชาติเป็นหลัก
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
26 สิงหาคม 2554