ยิ่งลักษณ์ขอทักษิณแข็งแรง-ครม.ยังไม่ชัด

ล่าสุด น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้โทรศัพท์ไปอวยพรวันเกิดครบรอบ 62 ปี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย เนื่องจากช่วงเวลาของยุโรปและเมืองไทย ไม่ตรงกัน แต่ส่วนตัวขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความสุขสุขภาพแข็งแรง พร้อมกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ปฏิเสธกรณีที่ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช. ระบุว่า มีความชัดเจนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า ยังไม่มีความชัดเจนทุกอย่าง ต้องผ่านคณะกรรมาการบริหารพรรค ทั้งขณะนี้ ยังไม่ถึงเวลาจัดตั้งรัฐมนตรี เพราะต้องรอให้ผ่านการกระบวนการทางรัฐสภาก่อน

ส่วนกรณีที่มี ส.ส. และแกนนำบางคน เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เชื่อว่า ไป ไม่ได้เป็นการเดินทางไปต่อรองตำแหน่ง แต่เป็นการเยี่ยมเยียนส่วนตัว เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี

นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ โดยยอมรับว่า นายวิชิต สุรพงษ์ชัย อดีตกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ยังไม่มีการทาบทาม เพราะยังไม่มีความชัดเจนในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี


ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเข้าร่วมการอบรม ส.ส.ใหม่ ที่ พรรคเพื่อไทยแล้ว โดยก่อนหน้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในช่วงสายของวันนี้ว่า จะมีการพิจารณาในหลักเกณฑ์ของตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่ลงลึกพูดเรื่องตัวบุคคลและคาดว่า ไม่น่าจะได้ตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ทันภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลให้ครบร้อยละ 95 ขณะที่ โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดนี้ จะออกมาดีหรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รอให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณา แต่พรรคเพื่อไทย จะพยายามคัดเลือกบุคคลที่ดีที่สุด โดยจะเน้นที่การทำงานและผลงาน โดยไม่มีการจัดสรรผลประโยชน์ตามกลุ่ม และเชื่อว่า การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี จะไม่เป็นระเบิดเวลาของพรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึง การอบรม ส.ส.ใหม่ ในวันนี้ว่า โดยหลักจะเป็นการเตรียมตัวในการเป็น ส.ส. การทำงานในสภา ส่วนจะมีการแนะนำเรื่องการลดบทบาทของแกนนำ นปช. ที่เป็น ส.ส. หรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ เชื่อว่า ทุกคนจะทำหน้าที่เพื่อประชาชนได้เท่าเทียมกัน เพราะถือเป็นภารกิจแรก