โพลชี้ขึ้นค่าแรง300ฉุดGDPดิ่ง0.2-0.3%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง ผลสำรวจทัศนะของผู้ประกอบการต่อนโยบายและผลกระทบจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท และวุฒิปริญญาตรี เดือนละ 15,000 บาท โดยสำรวจจากผู้ประกอบการทั่วประเทศ 800 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 16-18 ก.ค. 2554 ว่า หากปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือกับผู้ประกอบการ จะส่งผลให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลดลง 0.2-0.3 % และอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 1.1-1.3 % แต่หากรัฐบาลมีการชดเชยอุดหนุนเงินเต็มจำนวน หรือ 140,000 ล้านบาท หรือเท่ากับเม็ดเงินที่ผู้ประกอบการทั่วประเทศ จะต้องปรับขึ้นเป็นวันละ 300 บาท จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 1-1.3 % และเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.8-1 % เท่านั้น
นอกจากนี้ อาจทำให้มีการปลดแรงงานประมาณ 500,000 คน จากการจ้างงานรวม 5 ล้านคน รวมทั้งอาจจะปิดกิจการ 100,000-200,000 ราย จากสถานประกอบการ 2 ล้านราย โดยจะเริ่มเห็นผลกระทบดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2555 เป็นต้นไป รวมทั้งราคาสินค้าจะปรับตัวขึ้นทันที เพราะผู้ประกอบการจะผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังราคาสินค้า ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่สามารถปรับตัวได้ทันเชื่อว่า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม แทนที่จะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น ดังนั้น มาตรการบรรเทาผลกระทบจะมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะมาตรการจ่ายเงินอุดหนุน ซึ่งคาดว่า จะต้องใช้เงินประมาณ 1.4 แสนล้านบาท โดยอาจจะจัดขึ้นในรูปแบบกองทุน เพื่อโอนเงินให้ผู้ประกอบการทันที โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี)