นายกบอกสภาล่มใครไม่อยากทำงานก็ลาออก

นายกบอกสภาล่มใครไม่อยากทำงานก็ลาออก

นายกบอกสภาล่มใครไม่อยากทำงานก็ลาออก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่าการตั้งใจประกาศยุบสภา ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. เพื่อต้องการให้บ้านเมือง สามารถเดินไปข้างหน้า ประกอบกับมีฝ่ายต่างๆ ออกมาเรียกร้อง ซึ่งวันที่ประกาศในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกทุกคนก็ยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือในการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ดังนั้นเห็นว่าเรื่องขององค์ประชุมไม่ครบ ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องยุบสภาหรือไม่ยุบสภา และ ส.ส. ไม่ควรนำเรื่องดังกล่าว มาอ้างในการไม่เข้าร่วมประชุม เพราะแม้ว่าใกล้ยุบสภา ก็ต้องทำหน้าที่ตามเดิมไม่ทำไม่ได้

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ระบุกับ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าควรทำการประจาน ส.ส. ที่ไม่ทำหน้าที่ของตนเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณา


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ยอมรับว่า สัปดาห์นี้ มีสิ่งไม่ปกติ จึงทำให้สภาล่ม ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากตน และ ส.ส.หลายคนเดินทางลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านจากเขตน้ำท่วม โดยได้แจ้งคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งจะได้มีการพูดคุยกันอีกครั้ง และเชื่อว่าสภาต้องไม่ล่มอีก โดยไม่เกี่ยวกับสูญญากาศ ใกล้ยุบสภา ที่ทำให้ส.ส. ไม่สนใจงานในหน้าที่ แต่มุ่งที่จะลงพื้นที่ เพื่อหาเสียง เพราะตราบใดที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ก็ต้องทำหน้าที่ ซึ่งหากไม่อยากทำ หรือ คิดไปทำอย่างอื่น ก็ขอให้ลาออกไป โดยอยากให้ประชาชนเลือก และจับตาดูว่า ใครไม่ทำหน้าที่

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า กรอบกำหนดการยุบสภา ยังเป็นกรอบเดิม ซึ่งกฎหมายลูกคาดว่า จะนำเข้าในที่ประชุม
สภา เพื่อพิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า และจะขอความร่วมมือสมาชิกให้เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณาให้กฎหมายผ่านสภา

ส่วนกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเร็วขึ้นนั้น ต้องเห็นใจ เพราะมีความตั้งใจอยากให้สภาเดินหน้า ในการพิจารณากฎหมายต่างๆ ส่วนการพิจารณากรอบคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ JBC หลังศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับวินิจฉัยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภา แต่ขณะนี้ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ ประกาศกับทางกัมพูชา ในการเดินหน้าการประชุม GBC ในวันที่ 7-8 เม.ย. นี้


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ไม่รู้สึกแปลกใจที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะร่วมกับพรรคเพื่อไทย และประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี แข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนครั้งที่เป็นพรรคไทยรักไทย เพราะสุดท้ายประชาชน
จะเป็นผู้ตัดสินว่า ต้องการให้พรรคการเมืองมี 2 พรรค หรือ หลายพรรค

ทั้งนี้ มองว่า การเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ที่พยายามรวบรวมพรรคต่างๆ เพื่อได้เสียงข้างมากนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขันทางการเมือง และไม่ขอวิจารณ์ นายเสนาะ ที่เข้ามาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook