รีวิว Fast & Furious: HOBBS & SHAW เมื่อตัวละครสืบเชื้อสายมาจากยอดมนุษย์

รีวิว Fast & Furious: HOBBS & SHAW เมื่อตัวละครสืบเชื้อสายมาจากยอดมนุษย์

รีวิว Fast & Furious: HOBBS & SHAW เมื่อตัวละครสืบเชื้อสายมาจากยอดมนุษย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

เราคงไม่อาจปฏิเสธความสำเร็จในระดับโลกของแฟรนชายส์รถซิ่งอย่าง Fast & Furious ได้เลย สิ่งที่เป็นปัจจัยให้หนังเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในดวงใจของแฟนหนัง คือการทำให้คนดูผูกพันไปกับเหล่าตัวละคร อีกทั้งฉากแอ็คชั่นอันแสนตื่นตาตื่นใจและแปลกใหม่ ยิ่งเกื้อกูลให้ตัวหนังได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในทุกภาคที่ออกฉาย

 

Fast & Furious: HOBBS & SHAW คือการแตกเส้นเรื่องย่อยของตัวละครฮ็อบส์ (ดเวย์น จอห์นสัน) และ ชอว์ (เจสัน สเตแธม) สองคู่ปรับที่เกลียดขี้หน้ากันเข้าไส้ในแฟรนชายส์ Fast การปะทะคารมกันอย่างดุเดือด รวมถึงการออกหมัดต่อยตีกันให้ยับไปข้าง คือความสะใจของแฟนหนังที่ได้เห็น “แอ็คชั่นสตาร์” ทั้งสองคนดวลกันอย่างไม่ประนีประนอม

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังภาคนี้ ว่าด้วยการพูดถึงการก่อการร้ายของบริกซ์ตัน ลอร์ (อิดริส เอลบา) จาก “อีธีออน” ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องการลดจำนวนประชากรโลกด้วยอาวุธทางชีวภาพ เพียงเพราะต้องการสร้างความสมดุล (ตัวร้ายในหนังแอ็คชั่นไซไฟยุคหลังๆมักจะเป็นตัวละครที่มีความคิดแบบนี้) หลังจากฉากเปิดเรื่องที่บริกซ์ตัน ไม่สามารถนำไวรัสชีวภาพกลับไปให้องค์กรได้ เพราะและแฮ็ตตี้ (วาเนสซ่า เคอร์บี้) เจ้าหน้าที่ MI:6 ได้ตัดสินใจฉีดไวรัสดังกล่าวเข้าไปในตัวเอง เพราะดีกว่าให้อาวุธร้ายไปตกอยู่ในมือของบริกซ์ตัน

 

แฮ็ตตี้ตกที่นั่งลำบาก เมื่อองค์กรอย่างอีธีออนที่มีอำนาจในการชักใยแวดวงสื่อสารมวลชน ได้ใส่ความว่าเธอหักหลังองค์กรและขโมยไวรัสไป ส่งผลให้ฮ็อบส์ถูกเรียกตัวมาทำภารกิจ เช่นเดียวกับชอว์ที่ต้องมาจับมือแบบไม่เต็มใจกับฮ็อบส์ เพียงเพราะว่าแฮ็ตตี้นั้นเป็นน้องสาวแท้ๆของเขาเอง

 

 

สำหรับ HOBBS & SHAW นั้นเราจะเห็นความ “ขี้โม้” ในทุกช่วงทุกตอน ซึ่งความโอเวอร์ดังกล่าว เหมือนการสืบทอดสไตล์การเล่าเรื่องแบบไม่สนใจตรรกะทางกลศาสตร์และแรงโน้มถ่วงมาจากแฟรนชายส์ Fast ในช่วง 4 ภาคหลังสุด จนทำให้เรารู้สึกว่า บรรดาตัวละครเอกในเรื่องจริงๆแล้วน่าจะสืบสายเลือดมาจากบรรดาซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาล DC ไม่ก็ Marvel ซึ่งวิธีการออกแบบตัวละครมาให้ “เหนือมนุษย์” นั้นจะทำให้คนดูเกิดความรู้สึกแคร์ตัวละครน้อยลง และไปโฟกัสกับความเกินจริงของบรรดาฉากแอ็คชั่นในแต่ละช่วงมากกว่าเดิม

 

การกำกับของเดวิด ลีทช์ (ผลงานเรื่องก่อนหน้าคือ Deadpool 2 และ Atomic Blonde) ค่อนข้างโดดเด่นในแง่ของการกำกับฉากแอ็คชั่นโลดโผน ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโฉ่งฉ่างในฉากวินาศสันตะโรของ HOBBS & SHAW อาทิ ฉากไล่ล่าในลอนดอน ฉากบุกฐานลับในเชอร์โนบิลล์ และฉากไคลแมกซ์ที่ฮาวายนั้น ล้วนแล้วแต่น่าจดจำทั้งสิ้น

 

อย่างไรก็ตามคีย์เวิร์ดเรื่อง “ครอบครัว” ที่เป็นแกนโครงสร้างของแฟรนชายส์ Fast & Furious มาโดยตลอด ยังถูกนำมาใช้และเน้นย้ำอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่เรากลับมองว่าจุดประสงค์ในการมีอยู่ของสายสัมพันธ์ตัวละครเหล่านี้ มีเอาไว้เพื่อเชื่อมโยงเรื่องราวเพื่อนำไปสู่ “ภาคต่อ” เสียมากกว่าจะให้คนดูได้เรียนรู้อุดมการณ์ของตัวละครเหล่านี้อย่างแท้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook