รีวิว Mia and the White Lion มีอากับมิตรภาพมหัศจรรย์

รีวิว Mia and the White Lion มีอากับมิตรภาพมหัศจรรย์

รีวิว Mia and the White Lion มีอากับมิตรภาพมหัศจรรย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปลายปีแบบนี้นอกจากหนังฟอร์มยักษ์ที่มาถล่มโรงแล้วก็ยังมี Mia and the white lion หนังครอบครัวที่มีเนื้อหาอนุรักษ์ธรรมชาติมาให้จูงลูกจูงหลานเข้าโรงหนังไปดูมิตรภาพระหว่างสิงโตเผือกสุดน่ารักกับสาวน้อยที่อาจทำให้เผลอเสียน้ำตากันส่งท้ายปีเลยทีเดียว

ด้วยต้องย้ายบ้านจากอังกฤษมาแอฟริกาใต้ทำให้ มีอา (แดนีอาห์ เดอ วิลิเยส์) รู้สึกว่าตนเองแปลกแยกที่ต้องจากเพื่อน และเฝ้าโทษครอบครัวที่พรากเธอจากสังคมที่เธอรัก จนกระทั่งการมาถึงของ ชาลี ลูกสิงโตเผือกสุดน่ารักที่เริ่มละลายน้ำแข็งในใจของมีอาจนผูกพันกลายเป็นเพื่อนรักกัน แม้หลายครั้งพฤติกรรมสัตว์ป่าของมันจะทำให้พ่อแม่เป็นห่วงจนจับทั้งคู่แยกกันบ่อยๆก็ตาม จนชาลีอายุได้ 3 ปีที่มีอาเริ่มจะต้องเรียนรู้และปกป้องเจ้าชาลีจากขบวนการล่าสิงโตเพื่อความบันเทิง งานนี้มีอาจะช่วยชีวิตเพื่อนสิงโตเผือกของเธอได้หรือไม่ต้องติดตาม 

โดยข้อมูลงานสร้างแล้ว จุดที่น่าสนใจที่สุดหนีไม่พ้นการนำลูกสิงโตเผือกและเด็กสาววัย 11 ปีมาถ่ายทำถึง 3 ปีเพื่อสร้างความผูกพันธ์แบบจริงใจและทำให้เราเห็นทั้งการเติบโตของตัวละครและเจ้าสิงโตเผือกกันแบบจริงๆ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ เคยถ่ายทอดชีวิตตัวเอกถึง 12 ปีใน Boyhood เมื่อปี 2014 แต่ถึงแม้ Mia and the white lion จะบันทึกเวลาในช่วง 3 ปีแต่ก็เป็น 3 ปีที่ต้องบันทึกทั้งชีวิตของนักแสดงอย่าง แดนีอาห์ เดอ วิลิเยส์ และเจ้า ธอร์ สิงโตเผือกผู้รับบท ชาลี โดยได้ เควิน ริชาร์ดสัน กูรูสิงโตมาคอยดูแลตลอดการถ่ายทำทำให้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกมาน่าเชื่อถือและสามารถสร้างความสะเทือนใจได้เมื่อถึงบทดราม่า ซึ่งนับเป็นข้อดีของหนังที่ใช้แนวทางสัจนิยมในการถ่ายทอดความสัมพันธ์ตรงนี้ เพียงแต่จุดที่น่าเสียดายคือหนังดันให้ข้อมูลไม่มากพอให้เราเรียนรู้และรักตัวละคร มีอา หรือตัวอื่นๆมากพอเท่านั้นเอง

ผู้กำกับ กิลส์ เดอ เมแทรส์ ผู้มาจากสายสารคดีที่มีเครดิตอย่าง Le Premier Cri หรือ The First Cry (สารคดีมีชื่อไทยสุดไพเราะว่า จำได้ไหมลมหายใจแรก) สารคดีปี 2007 ที่บันทึกเรื่องราวการคลอดบุตรตามคติความเชื่อของคน 4 มุมโลกที่เรียกน้ำตาผู้ชมมาแล้ว ในคราวนี้ เดอ เมแทรส์ หวังใช้ความเป็นสัจนิยมของสารคดีมาถ่ายทอดความสัมพันธ์ของมีอาและชาลี ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่เรื่องราวในส่วนนี้จะออกมายอดเยี่ยมดังที่กล่าวไป แต่ปัญหาที่เราจะนำมาพูดถึงคือในส่วนของการปูคาแรกเตอร์มีอา ที่แม้เรื่องราวเริ่มต้นจะปูปมขัดแย้งมาค่อนข้างแรงว่าด้วยการแปลกแยกจากสังคมจากคนเมืองที่ต้องมาอยู่ในป่า แต่บทหนังกลับไม่พาเราไปสานต่อเพื่อให้เห็นแง่มุมทางจิตวิทยาอื่นๆ โดยเราเห็นแค่ว่าเธอต้องคุยสไกป์กับเพื่อนที่ อังกฤษ เพื่อคลายความเหงาในยามอยู่แปลกถิ่น แต่หลังจากนั้นหนังแทบไม่พาไปสำรวจแง่มุมความขัดแย้งของเธอกับครอบครัวในส่วนอื่นเลย ทำให้ปมขัดแย้งของตัวละครดูบางเบามาก จนการกระทำต่างๆของตัวละครไม่ได้พาเราลุ้นไปกับเธอเท่าใดนักหรือแม้กระทั่งเรื่องราวในส่วนของพ่อมีอาที่ปมขัดแย้งเรื่องธุรกิจค้าสิงโตค่อนข้างแรงก็ถูกนำเสนอแบบปล่อยผ่านไม่ได้ลงลึกทั้งที่มันมีส่วนสำคัญที่ทำให้ช่วงไคลแมกซ์ของหนังดูสมเหตุสมผลขึ้นก็ตาม เรียกได้ว่าแม้หนังจะมีภาพเชิงสารคดีที่สุดมหัศจรรย์แต่การเล่าเรื่องกลับกระจัดกระจายไม่ได้ลงลึกหรือใช้ประโยชน์จากปมขัดแย้งมาทำให้เราลุ้นไปกับตัวละคร

โชคยังดีที่หนังได้ แดนีอาห์ เดอ วิลิเยส์ นักแสดงเด็กสาวชาวแอฟริกันที่มีหน้าตาน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และความทุ่มเทและความกล้าในการร่วมงานกับสิงโตเผือกก็ได้แผ่อานิสงให้คนดูสัมผัสได้ถึงความรักความผูกพันที่จริงใจ ไร้ความเสแสร้ง แดนีอาห์ ตั้งแต่วัย 11 จนถึง 14 ค่อยๆทำให้เราเห็นถึงความรัก ความเชื่อใจ ที่แม้ต่างสายพันธุ์แต่ดูแล้วอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก ส่วนนักแสดงผู้ใหญ่หนังได้ เมลานี โลรอง จาก Inglourious Basterds (2009) มารับบทแม่ได้อย่างน่าเชื่อถือและทุกซีนที่เธอปรากฎกายพร้อม แดนีอาห์ ก็ทำให้เราเชื่อได้จริงๆว่าเธอรักและผูกพันกับลูกสาวคนนี้จริงๆ จนเกิดเป็นเรื่องราวครอบครัวสุดอบอุ่นให้คนดูได้ซาบซึ้งใจ

สรุปแล้วสำหรับ Mia and the white lion ก็ถือเป็นโปรแกรมหนังครอบครัวที่เหมาะแก่การชมร่วมกันในโรงภาพยนตร์จริงๆนะครับ โดยเฉพาะครอบครัวที่รักสัตว์ เพราะเจ้าชาลีตอนเป็นลูกสิงโตเผือกน่ารักมุ้งมิ้งน่ากอดอย่างกับลูกแมวเลยแหละ และหนังก็น่าจะปลูกฝังความรักในธรรมชาติให้เด็กๆได้เป็นอย่างดี แม้ในส่วนของเนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้นำพาอารมณ์หรือทำให้เราร่วมลุ้นเอาใจช่วยตัวละครเท่าใดนักก็ตามครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook