ชวนดู "Tully" หนังที่ทำความเข้าใจภาวะซึมเศร้าของคนเป็นแม่

ชวนดู "Tully" หนังที่ทำความเข้าใจภาวะซึมเศร้าของคนเป็นแม่

ชวนดู "Tully" หนังที่ทำความเข้าใจภาวะซึมเศร้าของคนเป็นแม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเพิ่งดูหนังอินดี้เล็กๆ เรื่อง Tully มาครับ กำกับโดย เจสัน ไรต์แมน คนที่เคยกำกับ Juno (2007), Up In The Air (2009) และ Young Adult (2011) เรื่อง Up In The Air นี่ถือว่าเป็นหนังที่ผมชอบมากเรื่องหนึ่งด้วยครับ ส่วน เจสัน ไรต์แมน ก็เป็นผู้กำกับฝีมือดีคนหนึ่ง เขาชอบทำหนังอินดี้เล็กๆ ไม่หวือหวา ไม่มีโปรดักชั่นใหญ่โตอะไร หนังส่วนใหญ่ (ที่จริงก็ทุกเรื่องนั่นแหละ) ของไรต์แมนเน้นไปที่การฉายภาพช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนผ่านทางวุฒิภาวะของตัวละครที่แตกต่างกัน หากยังจำแม่วัยทีนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสารพันจากคนรอบข้างซึ่งเป็นผลมาจากการที่เธอท้องตั้งแต่ยังเรียนไฮสคูลใน Juno หรือหนุ่มใหญ่วัยกลางคนที่ทั้งชีวิตไม่ยึดติดอะไรเลยแถมยังทำงานที่ต้องใช้ความใจหินอย่างรับจ้างไล่คนออกจากบริษัทนายจ้างแล้วเกิดอยากลงหลักปักฐานใน Up In The Air ได้ล่ะก็ ก็จะเห็นแนวทางการทำหนังของผู้กำกับคนนี้ได้เป็นอย่างดีครับ

comingsoon.netโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง Tully

Tully ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของไรต์แมน ก็ไม่หลุดไปจากธีมเดิมของเขาครับ เพียงแต่ว่ามันเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านของคนที่ดูเผินๆ มองจากระยะไกลก็คล้ายจะลงตัวดี หนังเล่าถึงชีวิตช่วงหนึ่งของ มาร์โล (แสดงโดย ชาร์ลิซ เธียรอน ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ด้วย) คุณแม่ลูกสองที่ท้องแก่ใกล้คลอดลูกคนที่สามเต็มที มาร์โล ต้องดูแลครอบครัวอันประกอบไปด้วยลูกสาวที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ ลูกชายที่ต้องเลี้ยงดูด้วยความระมัดระวังเนื่องจากมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ แน่นอนว่ายังต้องรวมลูกอ่อนที่เพิ่งคลอดอีกด้วย ส่วน ดรูว์ (รอน ลิฟวิงสตัน) สามีของเธอนั้นดูเผินๆ ก็เหมือนจะดีครับ เขาเป็นคนทำมาหากิน ขยันขันแข็ง แต่ก็เหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไปที่มักจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าตัวเองทำมากพอแล้ว ดังนั้นเมื่อ ดรูว์ กลับถึงบ้านเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งซึ่งไม่สนใจว่าภรรยาของตนผ่านอะไรมาบ้างในแต่ละวัน

IndieWireชาร์ลิซ เธียรอน กับการเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญอีกครั้ง

คือถ้ามองจากสายตาของผู้ชาย วันๆ ของคนที่เป็นเมียและแม่อย่างมาร์โลนี่ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรนะครับ ก็ดูแลลูกดูแลบ้านช่องกันไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่มาร์โลต้องเผชิญนั้นหนักหนาสาหัสเหลือเกิน แทบจะเรียกว่าเป็นสงครามในใจขนาดย่อมๆ เลยก็ว่าได้ครับ จนกระทั่งการมาถึงของตัวช่วยอย่าง “ทัลลี่” พี่เลี้ยงหรือในหนังย้ำว่าเป็น “ผู้มาช่วย” ซึ่งพี่ชายของมาร์โลเป็นคนแนะนำมา แล้วหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนแปลงไป

GettyImagesชาร์ลิซ เธียรอน

GettyImagesผู้กำกับ เจสัน ไรต์แมน

ผมคงเล่ารายละเอียดของ Tully ได้สุดทางเพียงเท่านี้ครับ เพราะเรื่องราวต่อจากนี้มีความสำคัญกับหนังมาก เล่าไปก็จะไม่สนุกและเสียมารยาท

แต่สิ่งที่ผมได้รับจากการดูหนังเรื่องนี้ก็คือ คนเป็นแม่ หรือความเป็นแม่นี่ไม่ง่ายเลยนะครับ ที่ผ่านมาเวลาเราพูดถึงความลำบากของคนเป็นแม่ เราจะมองแต่ในมิติที่แม่ต้อง “ทำ” ในนามของความรับผิดชอบซึ่งมีต่อครอบครัว คือเซนส์โดยทั่วไปเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งกลายเป็นแม่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็จะเปลี่ยนโหมดไปขับเคลื่อนชีวิตด้วยระบบออไตมัมไพลอต คือพ่วงด้วยความรับผิดชอบต่างๆ นานาเลยทันที แต่ไม่เคยมีหนังเรื่องไหนเลย (เอาเท่าที่ผมเคยดูมานะครับ) ที่สำรวจตรวจสอบสภาวะในจิตใจของคนที่เป็นแม่ พาผู้ชมเดินทางลึกลงไปในจิตใจของตัวละครที่เป็นแม่และยังเป็นคนๆ หนึ่งที่มีความใฝ่ฝัน ปรารถนาความสุข มีความต้องการเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป จนกระทั่งได้ดู Tully เรื่องนี้นี่แหละครับ

Vultureภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Tully

จะเรียกว่าเป็นหนัง coming-of-age ซึ่งโฟกัสให้แคบไปที่ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดที่เราเรียกว่า “Postpartum blue” ที่ดีมากอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ แนะนำให้ไปดูกันครับ

 

เกี่ยวกับผู้เขียน
จักรพันธุ์ ขวัญมงคล
นักเขียน นักแปล นักวิจารณ์ภาพยนตร์ และบรรณาธิการอิสระ สนใจความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะและสังคม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook