ตลาดหลักทรัพย์เตือน 120 หุ้นฟองสบู่!

จรัมพร เตือน 120 หุ้นฟองสบู่ ให้ระวังหุ้นมาร์เก็ตแคปต่ำ พีอีสูงกว่าตลาดและเทิร์นโอเวอร์สูงกว่าอุตสาหกรรม
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าววว่า ขณะนี้เริ่มเห็นฟองสบู่ในตลาดหุ้นไทย จากหุ้นไทยที่มีพีอีสูงกว่า 40% เมื่อ 14 เดือนก่อนหน้านี้มีเพียง 24 บริษัทเท่านั้น แต่ขณะนี้เพิ่มขึ้นมาเป็น 72 บริษัท สูงเกินจริงภายในเวลาเพียง 1-2 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่รายได้ติดลบอยู่อีก 50 บริษัท รวมแล้ว 120 บริษัท ที่ต้องระมัดระวัง ซึ่งนักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โดยหุ้นที่มีเทิร์นโอเวอร์สูงๆ จะมีรายชื่อในตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต.ที่จับตาดูอยุ่ แต่หุ้นก็ยังขึ้นไปอยู่ดี นักลงทุนควรไปลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดีมากกว่า
ด้านนายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าจะสามารถแตะที่ระดับ 1,700 จุด จากปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากมาตร การผ่อนคลายนโยบายการเงินจาก ECB, BOJ, FED โดยในครึ่งปีแรกเชื่อว่า ดัชนีจะอยู่ในกรอบดัชนี 1,450 - 1,550 จุดได้ โดยตลาดเผชิญแรงขายหลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องรับ Fund Flows ที่ไหลเข้ามาในเอเชียแล้วในระดับสูง แต่ Downside Risk ถูกจำกัดจาก Trigger Funds ที่คอยซื้อหุ้นเมื่อดัชนีปรับตัวลง
"เรามองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีแรกมีโอกาสแตะระดับ 1,550 จุด เพราะมีหลายปัจจัยบวกสนับสนุนให้ดัชนีราคาหุ้นขยับตัวสูงขึ้น อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดี" นายจักรกริช กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้น 25% ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนี้มีการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ หากมีปัจจัยอะไรเข้ามาเป็นตัวกระทบต่อตลาดหุ้นไทย และค่าเงินบาท เชื่อว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ รักษาการผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล. เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการปรับเพิ่มเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ใหม่จากเดิมคาดอยู่ที่ 1,475 จุด ซึ่งปัจจุบันถือว่าดัชนีฯ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนเกินกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้แล้ว โดยในภาพรวมตลาดอยู่ ในทิศทางขาขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯจากสถิติเดิมดัชนีอยู่ที่ 1,789 จุด แต่คงเชื่อว่าจะไม่ได้เห็นในปีนี้ แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในปี 2557 ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำขายทำกำไรบางส่วน หากดัชนีปรับตัวขึ้นมาสูงและซื้อเมื่อตลาดฯ เข้าสู่การปรับฐาน
อนึ่ง ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคยปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดฯ มาเมื่อปี 2518 โดยปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1789.16 จุด เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2537
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดตราสารทุนสายงานวาณิชธนกิจและตลาดตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้อาจปรับเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นแตะระดับ 1,700 จุด จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1,550 จุด หาก พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยในปีนี้มีโอกาสแตะระดับ 1,700 จุด อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขายหุ้นตลอดทั้งปีนี้ด้วย เพราะคาดว่าดัชนีฯ อาจเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวนได้ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล..ไม่มีแผนออกมาตรการคุมการเก็งกำไร ในตลาดหุ้นเพิ่มเติม ขณะเดียวกันเห็นว่าเงินทุนที่ไหลเข้า ยังเคลื่อนไหวปกติ อย่างไรก็ตาม ขอเตือนนักลงทุนให้ใช้ความรอบคอบ และความระมัดระวังในการลงทุน โดยให้ศึกษาพื้นฐาน และมูลค่าหุ้นในบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน นอกจากนี้ ต้องการให้สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ให้ออกบทวิเคราะห์ เพื่อที่ จะให้นักลงทุน ได้มีการศึกษาข้อมูลประกอบการลงทุนให้เหมาะสม
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลังเปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าลง ว่า ทั้งตนเองและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ เดือนนี้ แต่สิ่งที่ต้องทำคือ ทำอย่างไรให้เงินบาทมีเสถียรภาพที่ดี ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าโดยที่ใครจะเชื่อหรือไม่ว่าเป็นผลจากดอกเบี้ยในไทยสูงกว่าต่างประเทศเป็นผลให้เงินไหล เข้ามา ซึ่งขณะนี้ตนได้ทำหน้าที่รมว.คลังแล้ว จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของ กนง. จะพิจารณา