Daily View - บล.กสิกรไทย

Daily View - บล.กสิกรไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ว่าเดินหน้า/ถอยหลัง โมเมนตัมกลับมายังหุ้นขนาดใหญ่   แนวโน้มตลาด: ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้เผชิญแรงขายทำกำไรหลังมาตรการ BOJ รับรู้ไปในราคาส่วนหนึ่ง ในขณะที่ยุโรปและสหรัฐฯ ฝ่าแรงทำกำไรมาปิดบวกหลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาดี และข่าวดีจากการที่สภาผู้แทนสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ออกไปชั่วคราวถึง 19 พ.ค. ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่จะกำหนดทิศทางตลาดระยะสั้นได้แก่การรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจีน(HSBC) เช้านี้ และของประเทศในยุโรป คืนนี้ (24 ม.ค.) / เราเตือนให้ระวังแรงขายทำกำไรหุ้นกลาง-เล็กในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนและในงานสัมมนาทิศทางการลงทุนปี 56 (22 ม.ค.) หลังเห็นปริมาณการซื้อขายของหุ้นที่ต่ำกว่า SET50 มีปริมาณการซื้อขายขึ้นมาสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการซื้อขายของตลาดรวม (บางวันขึ้น ไปถึง 70%) ซึ่งอาจเป็นจุดที่เริ่มเห็นตลาดถอย แต่หากตลาดยังเลือกที่จะเดินหน้าต่อก็น่าจะโดยหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าหุ้นแนะนำในงานสัมมนา ได้แก่ Top picks - KTB PTTGC AP MAJOR SPCG / Top Yield Picks - TICON ADVANC SAMART MAJOR ซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นฐานดี และมี valuation ที่ถูก น่าจะปลอดภัยกว่าตลาดโดยรวม และเรายังเน้นการเลือกหุ้นที่มีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการขึ้น ซึ่งเป็นการคงกลยุทธ์ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา / หุ้นสื่อสาร – มองว่าเริ่มกลับมาน่าสนใจ (ADVANC DTAC INTUCH SAMART TRUE) กลยุทธ์การลงทุน: SET Index ดีดตัวกลับหลังลงไปทดสอบกรอบล่างการซื้อขายของเราที่ 1420-1450 เช้านี้หาก PMI จีนกลับไปอ่อนตัวลงหรือต่ำกว่า 50 ก็อาจทำให้ตลาดผิดหวังและเกิดแรงขายทำกำไรในตลาดทุนโลกในรอบสั้นๆได้ แต่หากออกมาดีตลาดทุนโลกก็อาจเลือก sideways up ต่อ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางเลือกไหนเรามองโมเมนตัมการลงทุนหมุนกลับมายังหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นแนะนำ PTTGC SAMART AP สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: หลังเพิ่มน้ำหนักการลงทุน เป็น 70% (ตั้งแต่ 3 ธ.ค.55) เราแนะนำทยอยสะสม TTA SOLAR ERW AJ KCE SPCG ตั้งแต่ 10 ม.ค. ขอเอา NMG ออกจากหุ้นซื้อสะสมระยะกลางเพราะราคาขึ้นมากว่า78% (จากเริ่มแนะนำ 29 พ.ย.) แนะนำถือเพื่อรอทำกำไร   หุ้นแนะนำวันนี้ - PTTGC (ปิด 78 เป้าระยะสั้น 79-81 ขายเมื่อหลุด 77) มุมมองของนักวิเคราะห์เป็นบวกหลังการประชุมแนวโน้ม 4Q55 ซึ่งตลาดโดยรวมมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการและคำแนะนำขึ้น + กำไรที่ดีขึ้นมาอุปสงค์และสเปรดของโอเลฟินที่ปรับดีขึ้น + หุ้นซื้อขายที่10.1x PER และคาดปันผลงวดนี้ 2.81 บาท/หุ้น (อัตราเงินปันผล 3.6%) - SAMART (ปิด 13.40 เป้าระยะสั้น 14.00 ขายเมื่อหลุด 12.70) คาดผลประกอบการ 4Q55 ออกมาดี และคาดปันผลไม่ต่ำกว่า 0.50 บาท/หุ้น (อัตราเงินปันผล3.7%) + คาดการณ์กำไรปี 2556 เพิ่มขึ้น 50% ของผู้บริหาร ดีกว่าที่เราและตลาดคาดซึ่งทำให้หุ้นมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการ - AP (ปิด 9.15 เป้าระยะสั้น 9.80 ขายเมื่อหลุด 8.70) คาดกำไร 4Q55 เพิ่มขึ้น 74% QoQ และ 116% YoY + Backlog สิ้นปีเพิ่มขึ้นสู่ 3.36 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ + ราคาปัจจุบันคิดเป็นเพียง 11.3x และ 8.0x PER ให้ปันผล 3.5% และ 5.0% สำหรับปี 55-56 - หุ้นแนะนำอื่น: SPCG TICON KCE CCET HMPRO ROBINS SAMART KBS THAI CPF INTUCH IRPC CK ITD / หุ้นใหญ่ ทอยยซื้อ KTB TOP PTTGC   ปัจจัยที่ต้องติดตาม - 24 ม.ค. China: HSBC Flash Manufacturing PMI - 24 ม.ค. EU: PMI Manufacturing (Advance) - 24 ม.ค. US: Jobless Claims - 24 ม.ค. US: PMI Manufacturing Index Flash - 24 ม.ค. US (Earnings): 3M, Nokia, AT&T, Microsoft, Starbucks - 25-31 ม.ค. Thailand: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง - 25 ม.ค. US: New Home Sales - 25 ม.ค. US (Earnings): P&G, Kimberly-Clark, Honeywell, Halliburton - 28 ม.ค. Thailand: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรมประจำเดือน - 28 ม.ค. US: Durable Goods Orders - 28 ม.ค. US: Pending Home Sales - 28 ม.ค. US: Dallas Fed Mfg Survey - 29-31 ม.ค. Thailand: คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ประกาศผลคัดเลือกเอกชนเข้า short list กลุ่มละ 3 ราย - 29 ม.ค. US: S&P Case-Shiller HPI - 30 ม.ค. EU: Euro-Zone Consumer Confidence (Final) - 30 ม.ค. US: ADP Employment Report - 30 ม.ค. US: GDP - 30 ม.ค. US: FOMC Meeting Announcement - 31 ม.ค. Thailand: ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือน - 31 ม.ค. US: Jobless Claims - 31 ม.ค. US: Personal Income and Outlays - 31 ม.ค. US: Chicago PMI - 01 ก.พ. Thailand: กระทรวงพาณิชย์ รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคม 2556 - 01 ก.พ. China: Manufacturing PMI - 01 ก.พ. EU: PMI Manufacturing (Final) - 01 ก.พ. EU: Euro-Zone Unemployment Rate - 01 ก.พ. US: Employment Situation - 01 ก.พ. US: Consumer Sentiment - 01 ก.พ. US: ISM Mfg Index - 03 ก.พ. China: Non-manufacturing PMI - 03 ก.พ. EU: PMI Composite   บทวิเคราะห์วันนี้ - PTTGC (ซื้อ ปิด 85.0 พื้นฐาน 78.0 +8.9%) เราคาด PTTGC จะรายงานกำไรสุทธิ 4Q55 ที่ 8.2 พันลบ.และกำไรปี 55 ที่ 31.8 พันลบ สูงกว่าคาดการณ์ของ consensus ที่ 6% จากการที่ผลผลิตของกลุ่มโอเลฟินลดลงเล็กน้อย QoQ ขณะที่กลุ่มอะโรเมติกและโรงกลั่นปรับตัวดีขึ้นส่วนราคาของกลุ่มโรงกลั่นปรับตัวลดลง ขณะที่อะโรเมติกส์ปรับตัวขึ้น และโอเลฟินส์ทรงตัวและผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มโอเลฟินส์ ขณะที่ยังมุมมองที่ระมัดระวังต่อกลุ่มอะโรเมติกส์ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าพื้นฐาน 85 บาท - กลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า เรามีการปรับเพิ่มสมมุติฐานความต้องการไฟฟ้าในช่วง 2556-2565 ขึ้น 3-7% และความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในช่วงดังกล่าว 4% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งในปี 2555 ซึ่งจะต่อเนื่องมาปีนี้ จากการฟื้นตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมและที่อยู่ อาศัย โดยในระยะสั้นการประมูลโรงไฟฟ้า IPP รวม 5.4GW หรือ 17% ของความสามารถในการจ่ายไฟของทั้งระบบในปัจจุบันที่จะประกาศผลในเดือนมิ.ย.ปีนี้จะเป็นประเด็นหลักที่จะทำให้ราคาหุ้นมีการ re-rate ขึ้นเช่นเดียวกับการประมูล IPP รอบก่อนหน้าที่ประกาศผลในปี 2550 แม้ว่ามูลค่าหุ้นในปัจจุบันที่เราประเมินตามวิธี DCF to equity จะดูค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้วก็ตามโดยเราเห็นว่า EGCO จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุด จากการซื้อขายในระดับ PBV ต่ำสุดเพียง 1.1x ขณะที่ RATCH และ GLOW ซื้อขายที่ 1.6x และ 2.8x ตามลำดับ นอกจากนี้ราคาหุ้น EGCO ยังมีความอ่อนไหวต่อการประมูล IPP สูงสุด เราจึงแนะนำ “ซื้อ” EGCO, “ถือ” RATCH และ “ขาย” GLOW - EGCO (ซื้อ ปิด 149.0 พื้นฐาน 166.0 +11.40%) เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” EGCO และปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 166 บาท จาก 137 บาท ภายหลังปรับเพิ่มประมาณการกำไร 56-57 เพิ่ม 12% และ 1.9% จากการที่รายได้จากโรงไฟฟ้าเกซอนและโครงการไฟฟ้าหมุนเวียนที่ดีกว่าคาด และการรวมศักยภาพการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการประมูล IPP ใหม่ที่จะมีการเปิดประมูลในปี 56 ที่เพิ่มมูลค่า EGCO ที่ 8 บาทต่อหุ้นโดยเรายังคงเลือก EGCO เป็นหุ้นเด่นของเราในอุตสาหกรรม เราเชื่อว่า EGCO เป็นผู้ที่มีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับการประมูล IPP ในปี 56 เนื่องจาก EGCO มีแหล่งเงินทุนที่สามารถแข่งขันได้และสถานที่ก่อสร้างยังใกล้กับสถานีก๊าซLNG อย่างไรก็ตามเรายังคงไม่ได้รวมการขยายกำลังการผลิตในโรงไฟฟ้าที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่คาดว่าจะรู้ผลในเร็วๆนี้ นอกจากพื้นฐานจะดีแล้ว ราคาหุ้นของ EGCO ถือว่ามีความสัมพันธ์กับการเปิดประมูล IPP ค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มราคาหุ้นในช่วงการประมูล - RATCH (ถือ ปิด 59.75 พื้นฐาน 57.0 -4.60%) เราคงคำแนะนำ “ถือ” RATCH แม้จะปรับเพิ่มมลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 57.0 บาท จาก 49.0 บาท หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไร 56-57 ที่8% และ 9% ตามลำดับ เนื่องจากมูลค่าพื้นฐานใหม่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาปิดล่าสุด ทั้งนี้การปรับเพิ่มกำไรดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานลมซึ่งมีโอกาสจะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 130MW ในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่24MW ซึ่งด้วย add-in tariff ที่อยู่ในระดับสูงทำให้บริษัทเหล่านี้สร้างผลตอบแทนให้ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเรายังมองการเติบโตในระยะยาวของ RATCH อยู่ในระดับดีและมีความชัดเจน โดยเฉพาะจากโครงการหงสาในประเทศลาวซึ่ง RATCH ถืออยู่ 40% ที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 1.8GW และจะเริ่มสร้างผลตอบแทนตั้งแต่ 2H15 แต่ด้วยส่วนเพิ่มของราคาหุ้นต่อมูลค่าพื้นฐานที่ไม่มาก รวมถึงเรายังไม่เห็นประเด็นบวกต่อหุ้นหลังประมูล IPP ดังนั้น EGCO จึงน่าจะเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีกว่าในปัจจุบัน - GLOW (ขาย ปิด 77.25 พื้นฐาน 55.0 -28.80%) เราคงคำแนะนำ “ขาย” GLOW แม้จะปรับเพิ่มมลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 55.0 บาท จาก 50.0 บาท หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไร 55-56 ที่ 3.6% และ 2.7% แต่ปรับลดปี 57 ลง 0.2% จากการปรับลดสมมติฐานต้นทุนพลังงาน (แก๊สและถ่านหิน) แม้ว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะมีการเพิ่ม fuel tariff เพียงแค่ 0.04 บาทต่อกิโลวัตต์ฮาวจากสมมติฐานเดิมของเราที่ 0.12 บาทต่อกิโลวัตต์ฮาว นอกจากนี้เราได้รวมมูลค่าส่วนเพิ่มจากการประเมินความสำเร็จในการการเข้าประมูลโครงการ IPP รอบใหม่ที่ 1.80 บาทต่อหุ้นเข้าไปยังประมาณการ ทั้งนี้เนื่องจากมูลค่าพื้นฐานใหม่ยังคงมีส่วนลดที่สูงหากเทียบกับราคาปิดล่าสุด โดย GLOW ถือเป็นบริษัทที่แพงที่สุดในกลุ่มในเชิงมูลค่าพื้นฐาน   ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด - เศรษฐกิจไทย: ตัวเลขส่งออกเดือนธันวาคมเติบโตต่ำกว่าคาด ก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนธ.ค.55 ขยายตัว +13.45%YoY ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด (Bloomberg consensus) ว่าจะขยายตัว +21.5%YoY เนื่องจากยอดส่งออกสินค้าเกษตร (ข้าว ยาง มันสำปะหลัง กุ้ง น้ำตาล) ที่ลดลง -9.2%YoY ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนธ.ค.55 หดตัวลง 4.7%YoY ยังผลให้เดือนธ.ค.55 มียอดขาดดุลการค้าที่ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ - ทั้งนี้ ยอดส่งออกในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.55 ยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง อาทิผลิตภัณฑ์อิเล็คทรอนิกส์ +34.4% ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า +22.6% ยานยนต์และชิ้นส่วนฯ +90.3% และวัสดุก่อสร้าง +73.5% - สำหรับยอดส่งออกทั้งปี 2555 ขยายตัวเพียง 3.12% ขณะที่ยอดนำเข้าเติบโต 8.22%(หลักๆมาจากการนำเข้าพลังงานและสินค้าทุน) ส่งผลให้ทั้งปี 2555 ประเทศไทยมียอดขาดดุลการค้า 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (18.07 พันล้านบาท) - ก.พาณิชย์ คาดการณ์ยอดส่งออกปี 2556 ขยายตัวที่ระดับ 8-9% (สมติฐานค้เงินบาทที่ 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) สรุปภาวะตลาด - DJIA ปิด 13,779.33 จุด +67.12 จุด (+0.49%) S&P500 ปิด 1,494.81 จุด +2.25จุด (+0.15%) Nasdaq ปิด 3,153.67 จุด +10.49 จุด (+0.33%) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ของรัฐบาล สหรัฐออกไปจนถึงกลางเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงกูเกิล และไอบีเอ็ม - NYMEX ส่งมอบ ก.พ. อยู่ที่ USD95.23/bbl -1.45(-1.5%) สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบ ก.พ. อยู่ที่ USD1,686.7/ounce -6.5(-0.38%) สัญญาราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงเนื่องจากความกังวลว่าสต๊อกน้ำมันดิบในภูมิภาคมิดเวสต์ของสหรัฐอาจพุ่งสูงขึ้นหลังท่องส่งน้ำมันซีเวย์ปรับลดปริมาณการจัดส่งน้ำมันจากภูมิภาคมิดเวสต์ไปยังกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐ ขณะที่สัญญาราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากแรงเทขายทำกำไรหลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้น   สรุปข่าวประจำวัน   ต่างประเทศ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปี 2556 ลงจาก 3.6% (เดือนต.ค.55) มาอยู่ที่ระดับ 3.5% พร้อมทั้งปรับลด GDP ของยูโรโซนปีนี้จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0.2% เป็นหดตัวลง 0.2% เนื่องจากการหดตัวลงของเศรษฐกิจสเปนและ การขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีที่ชะลอลง ขณะเดียวกัน IMF ได้ลดคาดการณ์ของสหรัฐลงจาก 2.1% เป็น 2.0% และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของสหรัฐขึ้น 0.1% เป็น 3.0% ในปี 2557 นอกจากนี้ IMF ยังคงประมาณการ GDP ของสหรัฐปี 2556 และ 2557 ที่ 8.2% และ 8.5% ตามลำดับ (Bloomberg) - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 285 ต่อ 144 ผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 19 พ.ค.56 ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลกลางสามารถขยายเวลาการกู้ยืมและรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ได้ชั่วคราว (อินโฟเควสท์) - คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) รายงาน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ -23.9 ในเดือนม.ค.56 จาก -26.3 ในเดือนธ.ค.55 และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ -26.0 ทั้งนี้ โพลล์ของรอยเตอร์คาดว่า เศรษฐกิจโลกอาจเติบโต 3.3 % ในปีนี้ หลังจากเติบโต 3.1 % ในปี 2555 (รอยเตอร์)   ข่าวบริษัท - CK รายได้กระฉูด30% ประมูลงาน5แสนล้าน Q1 บุ๊คกำไรขาย TTW 2.2 พันล้านบาท\"ช.การช่าง\" ปรับเป้ารายได้ปีนี้โต 20-30% แตะ 2.5-2.8 หมื่นล้าน หลังเดินเครื่อง 4 โครงการใหญ่ เล็งยื่นประมูลงานใหม่ 4-5 แสนล้าน คาดสิ้นปีมีแบ็กล็อกกว่า 1.6 แสนล้าน ส่วนไตรมาส1/56 บุ๊คกำไรขาย TTW 2.2 พันล้าน (ข่าวหุ้น) - AIT ปันผลงามลุ้นจ่าย2.75บ.กำไรพุ่งกระฉูด AIT หุ้นปันผลดี ลุ้นจ่ายปันผลครึ่งหลังปี 55 ที่ 2.75 บาทต่อหุ้น ยีลด์ปันผลสูง 4% เตรียมชงบอร์ดพิจารณา 14 ก.พ.นี้ หลังผลประกอบการโตตามเป้า ส่วนปี 56 ลั่นรายได้โต 35% แตะ 5,400 ล้านบาท เล็งรับงานวางระบบ 3G (ข่าวหุ้น) - SAMARTลูกดีกำไรพุ่ง50% ปี56ปั๊มรายได้3หมื่นล้าน SAMART ถึงจุดพีครับผลพ่วงบริษัทลูกเติบโตถ้วนหน้า มั่นใจรายได้รวมทั้งปี 2556 พุ่ง 30,000 ล้านบาท พร้อมดันกำไรเพิ่มขึ้น 50% วางเป้ารายได้ SAMTEL แตะ 15,000 ล้านบาท ส่วน SIM คาดโกยรายได้ 11,000 ล้านบาท (ข่าวหุ้น) - MATCH เจ๋งปีนี้รายได้890ล้าน รับธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายหนังและโฆษณาขาขึ้นMATCH เผยผลงานปี 55 รายได้ตามนัด 600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะยานแตะ 860 ล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายหนังและโฆษณาโตต่อเนื่อง ขณะที่สิ้นเดือนนี้ลุยยื่นไฟลิ่งเพิ่มทุนต่อก.ล.ต (ข่าวหุ้น) - MCOTรายได้พุ่ง6,500ล้าน ผลิตรายการเอง51%ขึ้นค่าโฆณาช่วยหนุน MCOT ลั่นรายได้ปี 2556 โตแตะ 6,500 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ผลิตรายการเอง 51% เพิ่มราคาโฆษณา หนุนการเติบโต (ข่าวหุ้น) - SMT ยอดขายพุ่ง1.2 หมื่นล. ขยับฐานการผลิตใหม่ รองรับครบวงจร SMT ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2556 ไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4% หลังเครื่องจักรใหม่มีเทคโนโลยีทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงพร้อมผลิต เครื่องจักรเก่าก็เดินได้ ตามปกติ พร้อมลุยกลยุทธ์ใหม่ (ข่าวหุ้น) - SPPT อัตรากำไรขั้นต้นพุ่ง20% รง.พร้อมผลิตเต็มพิกัด ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 600 ล้าน SPPT ตั้งเป้าปีนี้มีรายได้จากการดำเนินงานจริง 600 กว่าล้านบาท พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้นพุ่งระดับ 20% เหตุควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น และได้ออเดอร์ลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ฟุ้งตอนนี้ตุนออเดอร์ผลิตยาวถึงเดือนมีนาคมแล้ว (ข่าวหุ้น) - TCJ อานิสงส์งบรัฐ 2 ล้านล้านออเดอร์เรียงคิว TCJ ชูคอรับอานิสงส์ภาครัฐคลอดงบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท หนุนความต้องการเครื่องจักรกลหนักเพื่อก่อสร้างเพียบแย้มเดินสายรับงาน CK ITD และ STEC แถมเร่งแผนเพิ่มกำลังการผลิต TOYO จากปัจจุบัน 100% (ทันหุ้น) - MDX มือขึ้นธุรกิจโรงไฟฟ้าได้งานน้ำงึม 3 หมื่นล้านบาท MDX นับถอยหลังกินนิ่มรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าหลังโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 3 มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท เดินเครื่อง แถมตุนที่ดินรอพัฒนาเพื่อขายอีกเพียบฝรั่งดอดซื้อหุ้นอุตลุด จับตาปี 2555 ฟาดกำไรทุบสถิติหรือ 706 ล้านบาท EPS พุ่ง 1.49 บาทต่อหุ้น (ทันหุ้น) - CPALL เด่นกลุ่มค้าปลีกปี 56 ปั๊มยอดขายพุ่ง 15% CPALL ปักธงยอดขายปีนี้ โต 15%จากปี 2555 ที่คาดตามเป้า หลัง 9 เดือนแรกปี 2555 ปั๊มยอดขายได้แล้วกว่า 1.43 แสนล้านบาทกำไรสุทธิกว่า 8.2 พันล้านบาท กางแผนปีนี้เตรียมงบลงทุน 5.0-5.5 พันล้านบาท ผุด สาขา-ศูนย์กระจายสินค้าเพิ่ม (ทันหุ้น) - HYDRO จ่อฮุบงานย่างกุ้งพันล. HYDRO สบช่องเข้าประมูลงานย่างกุ้งในพม่ามูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ส่งซิกมีสิทธิ์ได้งานสูง หลังสายสัมพันธ์แนบแน่น และอยู่ระหว่างเซ็นสัญญาในนิคมที่พม่าอีกหลายแห่ง ล่าสุดซิวงานก่อสร้างระบบผลิตน้ำในไทย 2 โครงการ มูลค่าราว 110 ล้าน บาท เซ็นรับทรัพย์ช่วงกุมภาพันธ์นี้ ใส่เกียร์ตะลุยเก็บโปรเจ็กต์ใหม่ 2.5 พันล้านบาทต่อ พร้อมย่องเจรจาลงทุนระบบน้ำอินโดคาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หากสำเร็จเชื่อหนุนเงินเป้าเพียบ (ทันหุ้น) - WORK ปั๊มรายได้โต30% จ่อเปิดช่องทีวีดาวเทียม WORK เดินหน้าเต็มสูบ หัวเรือใหญ่\"ปัญญา นิรันดร์กุล\" การันตีรายได้รวมปี 2556 เติบโต 30% จากปีก่อน หลังธุรกิจดาวเทียมฉายแวว แย้มผุดช่องทีวีดาวเทียมเพิ่ม 1 ช่อง-พัฒนาคอนเทนต์ หนุนกำไร-รายได้ สบช่องค่าโฆษณาปรับเพิ่มเป็น 10,000 บาท จาก 6,000 บาทในปี 2555 (ทันหุ้น)   ข่าวเศรษฐกิจ / อุตสาหกรรม - คลังเข็นศก.โต7%-'หม่อมอุ๋ย'ชี้ไทยติดกับดัก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2556 ว่า เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 5-7% เป็นเรื่องไม่ยากเกินไป และไม่อยากให้กลัวการเติบโตอย่าง รวดเร็วของเศรษฐกิจ เพราะการเติบโตอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้การเลิกจ้างงานลดลง และมีความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนกลับไปรวบรวมข้อมูลและกรอบแนวคิดที่ใช้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งใกล้จะดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อนำกลับมาเสนอนายกฯ เร็วๆ นี้ (ข่าวสด) - กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม: ค้านบีโอไอเลิกโซนนิ่งลงทุน หอค้าตปท.ชี้ส่งเสริมคลัสเตอร์ไม่เวิร์ก 'ประเสริฐ'ยังมั่นใจตัวเลขปีนี้7แสนล. นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริม การลงทุน (บีโอไอ) กับหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย (เจเอฟ ซีซีที) เมื่อวันที่ 23 มกราคม ว่า หอการค้าต่างประเทศ ในประเทศไทยต้องการให้ บีโอไอพิจารณาเรื่องการปรับปรุงสิทธิประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง ในประเด็นเรื่อง การยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ตามเขตส่งเสริมจาก 3 เขต เป็นส่งเสริมในรูปของคลัสเตอร์ หรือกลุ่มธุรกิจตามภูมิภาคแทน เพราะเห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยได้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อ วันทั่วประเทศแล้ว หากยังให้การส่งเสริมรูปแบบคลัสเตอร์แทนเขตอาจทำให้นักลงทุนไม่สนใจไปลงทุนตามภูมิภาค ซึ่งเรื่องนี้ บีโอไอจะ รับไว้พิจารณา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดงานสัมมนาทั่วประเทศ เพื่อรับฟังความเห็นจาก นักลงทุนในการปรับปรุงร่างสิทธิประโยชน์ใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จและประกาศ ใช้ช่วงกลางปีนี้และเชื่อมั่นว่าจะจูงใจ ให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน (มติชน)   กิจพล ไพรไพศาลกิจ Kitpon.p@kasikornsecurities.com +662 696-0057 ปณิธิ จิตรีโภชน์ Paniti.j@kasikornsecurities.com, +662 696-0053   โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 24 ม.ค. 2556

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook