รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สรุปภาพตลาด   Strong economic data raises the mood รายวันคาดดัชนีฯ ขึ้นตามภูมิภาค แนวรับ 1,290 จุด แนวต้าน 1,315 จุด ปัจจัยบวก มาจาก ตัวเลขเศรษฐกิจโลกดีกว่าคาด 1) ภาคการผลิตจีน PMI (ตค.) 50.2 จาก 49.8 วานนี้สหรัฐฯ ISM 51.7 (คาด 51 และ เพิ่มขึ้นจาก กย. 51.5) ส่วนวันนี้ EU-PMI คาดลดลงเป็น 45.3 จาก 46.1 (มีโอกาสดีกว่าตลาดคาดตามทิศทางจีนและสหรัฐฯ) 2) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯวันนี้คาด ดีขึ้น +1.45 แสนรายจากเดือน กย. 1.14 แสนราย ส่วนปัจจัยลบจะมาจาก วันนี้ ECB รายงาน Bank lending survey คาดสินเชื่อโดยรวมยังหดตัว กลุ่มเด่นยังคงเป็น โรงพยาบาล โรงแรม อาหาร ค้าปลีก Utility (เช่น BTS BECL MCOT) จาก Rotation เข้ากลุ่มปลอดภัย และ วัสดุก่อสร้าง-ปูนซีเมนต์ (วานนี้ ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเดือน กย. พบความต้องการใช้ ปูนซีเมนต์เดือน กย. เพิ่มขึ้น 15% ดีขึ้นมากเทียบเดือนก่อนที่ 11.8%) มุมมองกลยุทธ์ “SET’s rock bottom” ภายในครึ่งแรกของเดือน พย.: ดัชนีรีบาวด์จากบริเวณ 1,270 จุด เพื่อขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิม หากยังไม่มี New high ภายในสัปดาห์หน้า ต้องระวังการปรับฐาน เพื่อหาจุด Bottom ของรอบ คาด Bottom zone ของรอบอยู่ที่ บริเวณ 1,270-1,250 จุด พอร์ตระยะสั้น-ใครที่ซื้อเล่นเด้งที่แนวรับบริเวณ 1,270 จุด แนะถือรอขาย-ถ้าไม่มี New high ในสัปดาห์หน้า ส่วนระยะกลางถือเงินสดรอซื้อ คาด Bottom out ภายในครึ่งแรกของเดือน พย. หุ้นเด่น ถือลุ้นต่อ BECL BTS (รองรับเงินหมุนเข้ากลุ่มปลอดภัย) SCCC (Laggard กลุ่มปูนซีเมนต์) Update หุ้นเล่นรอบที่แนะนำไว้ก่อนหน้านี้ ถือ/สะสม CFRESH (แนวรับ 8.75 บ. ต้าน 9.20 บ.) ไม่กระทบจากข่าว US แบนกุ้งและปลาไทย เพราะขาย US ไม่ถึง10% ขณะที่ได้วอลุ่มจากญี่ปุ่นชดเชย หลังกุ้งอินเดียถูกญี่ปุ่นแบน,  คาดกำไร 3Q12F ที่ 140-150 ล้านบาท +80% y-y ,+10% q-q และคาดกำไรทั้งปี 400 ล้านบาท โดยคาดปันผล 0.57 บาท อิง Payout 65% คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล >6% (อัตราการจ่ายเงินปันผลปีก่อนอยู่ที่ 80-90% และคาดว่า Dividend yield มีโอกาสสูงกว่า 7% ทั้งนี้บริษัทฯจ่ายปันผลปีละครั้ง), UMI ถือลุ้นแนวต้าน 8.30 บ.อีกครั้ง, เก็งกำไร TGPRO (รับ 0.63 บ. ต้าน 0.67 บ.) กำไร 3Q-4Q12F พลิกบวก และดีขึ้นต่อเนื่อง, PTTEP (แนวรับ 164 บ. ต้าน 170/172 บ.) คาดมีแรงซื้อหนุน เพื่อจองสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน สุดท้ายถึงวันที่ 7   ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดฯ (-) SCB แจ้งตลาดฯ ปฎิเสธข่าว ไม่เคยมีการเจรจากับ GE เพื่อซื้อหุ้น BAY (+) Earning update วานนี้ VGI กำไร 2Q12/13  Bt253m, +13% q-q +39% y-y ดีกว่าคาด, LPN กำไร 3Q12 Bt541m, +268% q-q – 38% y-y ตามคาด (-) BOJ อัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มอีก 11 ล้านล้านเยน เป็น 91 ล้านล้านเยน (มากกว่าตลาดคาดที่ 10 ล้านล้านเยน) และไม่ขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ ทำให้เม็ดเงินเพิ่มขึ้นเกินคาด และยังระบุให้สามารถเข้าซื้อ ETFs fund โดยตรงอีก 5 แสนล้านเยน (+) ที่มาข่าวหุ้น: หุ้นติด MSCI รอบนี้ ประกาศกลางเดือน พย. มีผล สิ้นเดือน พย.คาดได้แก่ BGH AOT MAKRO   Investment theme: กำไร 3Q12F โตเด่น TGPRO SORKON AI CFRESH UMI THAI กลุ่มที่เชื่อมโยงปัจจัยฤดูกาล สะสม/เก็งกำไรในกรอบเทคนิค MINT ERW CENTEL MAJOR THAI   วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336   ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด   ดัชนีผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐโตเกินคาด ดัชนีผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐโตเกินคาดในรอบ 4 ปี ตัวเลขดัชนี ISM โตห้าเดือนที่ 51.7 จุด จากคำสั่งซื้อเพิ่ม การผลิตเพิ่ม แต่คำสั่งซื้อส่งออกทรงตัว นักวิเคราะห์กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มเข้าสู่การโตแบบมีเสถียรภาพ ประกอบกับตัวเลขยอดขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง และ รายงานจากการสำรวจพบว่าบริษัทสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่ม 1.25 แสนตำแหน่งในเดือนต.ค เนื่องจากธุรกิจภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง (Bloomberg)   ยอดคืนภาษีพุ่งทะลุ 3 แสนคัน นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยถึงยอดการขอเงินคืนในโครงการรถคันแรกของรัฐบาลว่า ล่าสุดมีผู้ซื้อรถยนต์ในโครงการนี้ขอคืนเงินมาแล้วกว่า 300,000 ราย หรือกว่า 300,000 คัน คิดเป็นเงินคืน 29,000 ล้านบาท คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีผู้ซื้อรถยนต์และขอคืนเงินตามเป้าหมายหรือประมาณ 500,000 คัน โดยจำนวนนี้มียอดขอเงินคืนที่กระทรวงการคลังต้องจ่ายตามเงื่อนไข 18,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้เตรียมเงินงบประมาณไว้เพื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยระยะแรกเป็นเงินงบประมาณในปี 56 จำนวน 7,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 11,000 ล้านบาท ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้เสนอของบกลางปี 56 เรียบร้อยแล้ว (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)   แบงก์ชาติจับตาสินเชื่อบุคคลหวั่นหนี้พุ่งหมดแรงผ่อนเงินกู้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในขณะนี้ผู้ที่มีรายได้น้อย หรือรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน มียอดหนี้สินเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทปล่อยสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) มีการแข่งกันปล่อยสินเชื่อบุคคล ทั้งประเภทมีหลักประกัน และประเภทไม่มีหลักประกันให้กับคนที่มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้นมาก และส่วนหนึ่งของสินเชื่อเหล่านี้ ธปท.เริ่มมีสินเชื่อค้างชำระมากกว่า 1 เดือนเพิ่มขึ้น ทำให้ ธปท.ต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงสินเชื่อบุคคลประเภทนี้เป็นพิเศษน่าจะกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในอนาคตหรือไม่ (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)   เล็งเพิ่มลดหย่อนภาษี กระทรวงการคลังให้ลดหย่อนภาษี เพื่อบริจาคศึกษาและการวิจัยพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า ได้สั่งการกรมสรรพากรออกระเบียบเงื่อนไขให้บุคคลธรรมดาและภาคเอกชน บริจาคลดหย่อนเพื่อการศึกษาได้หักลดหย่อนได้2 เท่า โดยไม่จำเป็นต้องบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์การศึกษาเท่านั้น แต่ให้เป็นการบริจาคเพื่อการศึกษาด้านอื่นได้ด้วยเช่น บริจาคให้สถานศึกษานำไปอบรมครู เป็นต้น (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)   ชี้โอบามาชนะการค้าไทยดีโตกว่ารอมนีย์ ศูนย์พยากรณ์การเกษตรฯ คาดโอบามาชนะเลือกตั้งส่งผลบวกต่อการค้าไทยเพิ่มถึง 16% นายจารึก สิงหปรีชา ผู้อำนวยการศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร (KU-OAE Foresight Center : KOFC) เปิดเผยว่า จากการเปรียบเทียบนโยบายระหว่างนายบารัก โอบามา จากพรรคเดโมแครต กับนายมิตต์ รอมนีย์ จากพรรครีพับลิกัน พบว่า พรรคเดโมแครตมีนโยบายเสรีนิยมและใช้มาตรการผ่อนปรนเป็นหลัก ในขณะที่พรรครีพับลิกันมีนโยบายอนุรักษนิยมที่เน้นมาตรการแข็งกร้าว  (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)   ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1   รายงานวันนี้   หุ้น: KCE          คำแนะนำ: ซื้อ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 10.60 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ในหุ้น KCE ด้วยแนวโน้มกำไรสุทธิในระยะสั้นและแนวโน้มการเติบโตของกำไรหลักในอนาคต คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 3/55 ที่ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192% QoQ แต่ลดลง 5% YoY การเติบโตของกำไรในไตรมาส4/55 ส่วนใหญ่จะหนุนโดยยอดขายที่ขยายตัว กำไรสุทธิน่าจะเติบโตต่อเนื่อง YoY แต่ชะลอตัวลง QoQ เรามองว่ามีอัพไซด์จากการรวมงบกับ Chemtronics ในไตรมาส 4/55 ซึ่งจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปี 2556 ของ KCE สูงขึ้น 0.67%   นักวิเคราะห์: จินดารัตน์ เล้าทวีรุ่งสวัสดิ์   หุ้น: VGI          คำแนะนำ: ถือ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 56.75 VGI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/55/56 ที่ 253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58%QoQ และ 162%YoY ผลประกอบการออกมาสูงกว่าที่เราคาด 19.6% เนื่องจากรายได้สูงกว่าที่คาด อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ รายได้เติบโต 39% YoY และ 13% QoQ มาอยู่ที่ 735 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นอย่างมากเป็น 58% คาดกำไรในไตรมาส 3-4/55/56 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/55/56 เนื่องจากประมาณ 70% ได้ถูกการันตีโดยสัญญากับผู้ลงโฆษณาแล้ว   นักวิเคราะห์: จินดารัตน์ เล้าทวีรุ่งสวัสดิ์   หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม   Technical Analysis   Security: SC Position: ซื้อ เป้าหมาย: 20.5/20.8 Stop loss< 19 Reason: สัญญาณทางเทคนิคมองการดีดกลับบนแนวรับ 19 บ. สอดคล้องกับวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นและเครื่องมือทางเทคนิคฟื้นตัวเมื่ออยู่ในโซนแนวรับ   Security: MCOT Position: ซื้อ เป้าหมาย: 37/38 Stop loss< 33 Reason: สัญญาณทางเทคนิคมองการ Break out ทะลุกรอบสามเหลี่ยม 34 คาดวอลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแนะนำซื้อตาม โดยมีแนวต้านถัดไป 37-38   Security: SAMTEL Position: ซื้อ เป้าหมาย: 20/20.5 Stop loss< 18.6 Reason: ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับสำคัญบริเวณ 18.6บ ลุ้นราคาดีดขึ้นทดสอบยอดเดิม 20 โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 20.5   Security: DTAC Position: ขายทำกำไร Reason: ADVANC รอบนี้ถือว่าสัญญาณไม่ดีและส่งสัญญาณอ่อนกว่าตลาด ขณะที่แนวโน้มระยะสั้นต้องระวังเนื่องจากหลุดแนวรับเดิม 85 คาดหุ้นอาจปรับลงแรง   Security: TRUE Position: ขายทำกำไร Reason: ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ1 เดือน ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิคส่งสัญญาณเตือนการตัดลงของ MACD   Security: PTTGC Position: ขายทำกำไร Reason: ไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ 61ขณะที่ราคาหุ้นยังปิดต่ำ โดยมีสัญญาณเตือนหรือแนวโน้มการอ่อนตัวลงจากเครื่องมือ RSI เริ่มปรับลง   โดย บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ประจำวันที่ 2 พ.ย. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook