ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 25.19 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.)ปรับตัวลง 25.19 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 13,077.34 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 4.36 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 1,408.75 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 8.77 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 2,981.70 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบของบริษัทเอกชนหลายแห่ง และหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เอทีแอนด์ที ผู้ให้บริการโทรศัพท์รายใหญ่สุดของสหรัฐที่เปิดเผยว่า รายได้สุทธิไตรมาส 3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.64 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 63 เซนต์ต่อหุ้น จากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่ระดับ 3.62 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 61 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) พร้อมกับย้ำว่าจะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษซึ่งได้มีการบังคับใช้ในปัจจุบันต่อไป เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและลดอัตราว่างงานซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากที่แถลงการณ์ของเฟดระบุถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยคณะกรรมการเฟดกล่าวว่า \"กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวปานกลางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การขยายตัวด้านการจ้างงานชะลอตัวลง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่การลงทุนในภาคเอกชนขยายตัวลงช้าลง\" อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากโบอิ้งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2555 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ทะยานขึ้น 5.7% จากเดือนส.ค. สู่ระดับ 389,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2553 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 385,000-386,000 ยูนิต นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐกำลังฟื้นตัว