Daily View - บล.กสิกรไทย

Daily View - บล.กสิกรไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เตรียมใจและวางกลยุทธ์เผื่อทั้ง 2 ทาง   แนวโน้มตลาด: ตลาดยุโรปและสหรัฐฯ ปิดทรงตัว โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันรับรองกลไกสร้างเสถียรภาพยุโรป (ESM) ไม่ขัดกฎหมายเยอรมัน แต่มีเงื่อนไขภาระหนี้สินที่เยอรมันต้องไม่เกินสัดส่วนเงินสมทบ 190,000 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขายและรอจับตาผลการประชุมFOMC คืนนี้ว่าสหรัฐฯ จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดออกมาหรือไม่ ทั้งนี้น้ำหนักของการเลือกข้างดูก้ำกึ่ง ว่าตลาดจะเลือกทางขึ้นต่อหรือปรับให้เราได้มีโอกาสซื้อก่อน (ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการปรับตัว/ผิดหวังไม่มีมาตรการกระตุ้น) อย่างไรก็ตามในเชิงกลยุทธ์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเสี่ยงซื้อหุ้นใหญ่จะง่ายกว่านักเก็งกำไร โดยอาจเลือกซื้อหุ้นที่คาดว่าจะมี downside ต่ำ เผื่อเก็ง FOMC สร้างความประหลาดใจในขณะที่หากผิดทางจะสามารถเฉลี่ยเพื่อดึงต้นทุนลงได้ไม่ยากเกินไป อาทิ PTTEP PTT ESSO สำหรับนักเก็งกำไรยังอาจเลือกเน้นหุ้นรายตัวเพื่อรอผลการประชุม กลยุทธ์การลงทุน: เราให้น้ำหนักกับการวางกลยุทธ์ “เผื่อ” กรณีตลาดผิดหวัง เพื่อป้องกันเงินลงทุนของลูกค้า ซึ่งทำให้หากเกิด surprise ทางบวกอาจต้องยอมซื้อแพงขึ้น แต่หากตลาดผิดหวังและปรับลง เรายังมองเป็นจังหวะซื้อ โดยจะขอเพิ่มน้ำหนักพลังงาน ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และส่วนน้อยในเดินเรือและบรรจุภัณฑ์หุ้นแนะนำ PTTEP MINT LHK สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: เมื่อ 15 มิ.ย. เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก 10% เป็น 60% และยังเตรียมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก หุ้นที่อาจพิจารณาทยอยสะสมได้แก่ TICON TCAP KK TISCO EGCO RATCH PS AP SIRI QH PF PTTGC PTT KTB NMG RS ***หากตลาดปรับฐานก.ย.-ต.ค.นี้ เราจะขอเพิ่มน้ำหนัก โดยเน้นหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี***   หุ้นแนะนำวันนี้ - PTTEP (ปิด 152 เป้าระยะส้น 160 ขายเมื่อหลุด 148) กลุ่มพลังงานที่ laggard ที่สุด แต่ในเชิงกลยุทธ์เป็นหุ้นที่ปลอดภัยสุด ในการลุ้นประชุม FOMC คืนนี้ + มองว่าราคาหุ้น discount ข่าวร้ายการเพิ่มทุนไปพอสมควรแล้ว - LHK (ปิด 3.30 เป้าระยะส้น 3.46 ขายเมื่อหลุด 3.20) ได้รับผลดีจากยอดใช้จ่ายด้านการบริโภคที่เพิ่มขึ้น + ยอดจำหน่ายจักรยานยนต์ที่เพิ่มส่งผลบวกโดยตรงกับผู้ผลิตชิ้นส่วนอย่าง LHK + ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER 11.0 และ 8.2 เท่า ปี 55 และ 56 - HMPRO (ปิด 12.60 เป้าระยะสั้น 13.80 ขายเมื่อหลุด 12.10) รายได้ของประชาชนในต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก + คาดการเติบโตโดดเด่นถึง 77% และ 31% ในปี 55 และ 56 ทำให้ PER 56 อยู่ที่ 17.7 เท่า ต่ำสุด - MINT (ปิด 15.90 เป้าระยะสั้น 17.10 ขายเมื่อหลุด 15.30) ผลการดำเนินงานกำลังเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ในช่วง 3Q55-1Q56 + มีโอกาสปรับประมาณการเพิ่มจากเทคโอเวอร์ซึ่งจะแล้วเสร็จทันในปี 2555 อย่างน้อย 1 แห่ง - หุ้นแนะนำที่ยังคงน่าสนใจ QH SCB KTB CPF PJW AH GUNKUL LOXLEY DSGT ROBINS - หุ้นกลุ่มยานยนต์ STANLY AH LHK IHL TKT - หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง STEC CK ITD /โรงแรม MINT ERW CENTEL - ทยอยสะสม Commodity: PTTGC IVL TOP SCC/ LANNA KSL KBS   Today’s Best Trades   ประเด็นการลงทุนหุ้น Today’s Best Trades HOLD TICON ราคาหุ้นในปัจจุบันเป็นโอกาสซื้อที่ดี + ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 พลิกกลับมามีกำไรจากการขายโรงงานเข้ากองทุนอสังหาสริมทรัพย์ และไตรมาส 2 จะเร่งตัวขึ้นมาก + ราคาปัจจุบัน 6.6x PER ถูกสุดกลุ่มนิคม + ผลตอบแทนเงินปันผล 9.6% สงสดในกล่มนิคม + ห้นมีโอกาสถก concensus ปรับประมาณการขึ้น KSL เข้าสู่ช่วง high season ผลประกอบการไตรมาส 2 (ก.พ.-เม.ย.55) + ก.ค.เป็นเดือนที่ราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-8% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา + แม้ราคาส่งออกน้ำตาลลดลง 5% QoQ แต่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 25% QoQ และ 30% YoY กำไรจึงมีแนวโน้มดีขึ้น + ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER 10.2 เท่า ให้ผลตอบแทนปันผล 4.1% (concensus) CENTEL ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรขึ้น 15% และ 14% ในปี 2555 และ 2556 + นักท่องเที่ยวต่างชาติ 5M55 เพิ่มขึ้น 7% YoYนักท่องเที่ยวจากเอเชียชดเชยจากยุโรปที่ลดลง + ไตรมาส 2/55 อัตราการเข้าพักสูงถึง 65% (+7% YoY) รายได้ QH กระแสกังวล่ คอน่ โดชะลอทำให้มีแรง switching มายัง QH ที่มีสัดส่วนโครงการแนวราบสูง + คาดกำไรปี 2555  เพิ่มขึ้น 67% YoY + ราคายังถูก PER เพียง 6.1x และมี yield ถึง 8.4% + เตรียมขาย 3 อสังหาริมทรัพย์เข้ากองทนอสังหาฯ ไตรมาส 3 SCC สเปรดปิโตรเคมีผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและน่าจะดีขึ้นชัดเจนใน 2H55 + ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ + ปันผลระหว่างกาล 4.50 บาท (XD 9 ส.ค.) AAV ผลประกอบการผ่าน soft season ไตรมาส 2 อย่างแข็งแกร่ง คาด low season ไตรมาส 3 ดีกว่าปกติ และเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ (4Q55-1Q56) + การย้ายฐานมายังดอนเมืองช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไร + แผนเพิ่มฝูงบินจาก 24 เป็น 48 ลำใน 5 ปี คาดช่วยรักษาการเติบโตของรายได้ที่ปีละ 20-25% ได้ PTTEP ราคาสะท้อนผลประกอบการ 2Q55 ที่ย่ำแย่แล้ว + ราคาที่ Underperform หุ้นอื่นมานานเพราะกังวลเพิ่มทุน ช่วยจำกัด downside risk + โอกาสซื้อลงทุนที่ดี โดยไม่ต้องกังวลราคาน้ำมัน 3Q55 อ่อนตัวSOLAR ธุรกิจ Turnaround กำไรเริ่มมีเสถียรภาพ + ชนะประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์แห่งที่ 4 ของ BCP ขนาด25MW ที่อยุธยามูลค่า 620 ล้านบาท แล้วเสร็จ ม.ค.56 + ราคาปัจจุบันยังต่ำมูลค่าทางบัญชีที่ 2.44 บาท/หุ้น + การเปิดอนญาต/ประมลพลังงานแสงอาทิตย์รอบใหม่เป็นบวกกับธรกิจ SOLAR ธุรกิจ Turnaround กำไรเริ่มมีเสถียรภาพ + ชนะประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์แห่งที่ 4 ของ BCP ขนาด 25MW ที่อยุธยามูลค่า 620 ล้านบาท แล้วเสร็จ ม.ค.56 + ราคาปัจจุบันยังต่ำมูลค่าทางบัญชีที่ 2.44 บาท/หุ้น + การเปิดอนญาต/ประมลพลังงานแสงอาทิตย์รอบใหม่เป็นบวกกับธรกิจ HEMRAJ ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนแข็งแกร่ง + บริษัทตั้งเป้าขยายพื้นที่โรงงานเช่าจาก 1 เป็น 2.6 แสนตารางเมตรใน 5 ปี + การขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ส่งผลดี   ปัจจัยที่ต้องติดตาม - 10-14 ก.ย. Thailand: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ - 13 ก.ย. US: Jobless Claims - 13 ก.ย. US: Producer Price Index - 13 ก.ย. US: FOMC Meeting Announcement - 14 ก.ย. EU: Euro-Zone CPI - 14 ก.ย. US: Consumer Price Index - 14 ก.ย. US: Retail Sales - 14 ก.ย. US: Industrial Production - 14 ก.ย. US: Consumer Sentiment - 15 ก.ย. Thailand: กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมใหญ่ครบรอบ 6 ปี รัฐประหาร - 17-19 ก.ย. Thailand: คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กำหนดเผยแพร่รายงานการประชุม - 17-21 ก.ย. Thailand: กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออกของไทย - 17 ก.ย. US: Empire State Mfg Survey - 18 ก.ย. US: Housing Market Index - 19 ก.ย. US: Housing Starts - 19 ก.ย. US: Existing Home Sales - 20 ก.ย. China: HSBC Flash Manufacturing PMI - 20 ก.ย. US: Jobless Claims - 20 ก.ย. US: Philadelphia Fed Survey - 24-28 ก.ย. Thailand: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง/ทบทวนตัวเลข GDP ปีนี้ - 28 ก.ย. Thailand: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรมประจำเดือน - 28 ก.ย. Thailand: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนบทวิเคราะห์วันนี้ - กลยุทธ์: SET Index มีโอกาสปรับฐานช่วงก.ย.-ต.ค.55 - แนะนำให้ระมัดระวังแรงเทขายในระยะสั้น พร้อมทั้งปรับลด SET Index Target สิ้นปีเหลือ 1,300 เครื่องชี้ในเชิง Quantitative และ Technical ส่งสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรในหุ้นโลกและหุ้นไทยในระยะสั้น (ช่วงก.ย.-ต.ค.55) เนื่องจาก SET Index ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับที่มี Upside จำกัด เมื่อเทียบกับเป้าหมายของเรา ประกอบกับความเสี่ยงจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ หลังซื้อสะสมสุทธิกว่า 60,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี และมีกำไรจากการลงทุนที่ยังไม่รับรู้ (Unrealized Gain) ราว 14% ขณะที่ในการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน เราปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2555 ลดลงเหลือ 23% จาก 28% ส่งผลให้เป้าดัชนี (SET index) สิ้นปี 2555 ลดลงเหลือ 1,300 จุด (จาก 1350 จุด) ดังนั้น ในช่วงสั้นเราแนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตลงทุน โดยทยอยขายทำกำไร/ลดการถือครองในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแรงและเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติถือค่อนข้างมาก อาทิกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มสื่อสาร ทั้งนี้เรายังคงเชื่อว่าการปรับฐานรอบนี้เป็นโอกาสซื้อที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะกลาง โดยมอง Downside ที่ระดับ 1,150-1,200 จุด โดยการปรับฐานรอบนี้ แนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะเข้าซื้อสะสมหุ้นเน้นในกลุ่มพลังงาน กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงกลุ่มเกษตรเนื่องจากเรามองภาพเศรษฐกิจโลกจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 4Q55 นอกจากนี้คาดว่าจะเห็นการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาลและธนาคารกลางประเทศต่างๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน รวมถึงพัฒนาการจากฝั่งยุโรปที่น่าจะเริ่มเห็นสัญญาณที่สดใสขึ้น - กลุ่มค้าปลีก : การที่กลุ่ม Central เข้าซื้อ Familymart ทำให้เกิดการแข่งขันขึ้นสูงขึ้นในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ ,CPALL (ขาย ปิด 35.25 พื้นฐาน 28.0 -20.6%) - แนะนำขาย CPALL จากราคาหุ้นที่แพงเกิน CPALL ซื้อขายที่ 31.1 เท่า PE ปี 55 ซึ่งเรามองว่าไม่เหมาะสมเมื่อเทียบกำไรต่อหุ้นที่โตเพียง CAGR 18.5% ในปี 55-57 ประกอบกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดร้านสะดวกซื้อหลัง Central เข้าซื้อ Familymart เราจึงแนะนำขาย โดยในกลุ่มค้าปลีกเราชอบ ROBINS มากกว่า (ซื้อ ปิด 64 พื้นฐาน 72 +12.5%) เนื่องจากอยู่ในตลาดที่มีคู่แข่งจำกัดและการเข้าสู่ตลาดของคู่แข่งใหม่ค่อนข้างยาก สำหรับ PE ของ ROBINS ที่ 30.3 เท่า PE ปี 55 เรามองว่ารับได้เนื่องจากมีกำไรต่อหุ้นโต CAGR 26% ปี 55-57 - ผู้เล่นใหม่ในตลาดร้านสะดวกซื้อ Central food retail (บริษัทลูกของกลุ่ม Central และไม่จดทะเบียนในตลาด) ได้เข้าซื้อกิจการร้านสะดวกซื้อ Familymart ที่มีสาขา 713 แห่ง เมื่อรวมกับร้านสะดวกซื้ออีก 112 แห่ง ภายใต้แบรนด์ Tops Daily หลังซื้อกิจการ CFR จะมีสาขาร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 825 แห่ง มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 รองจาก 7-11 และ Lotus express โดยเรามองว่าด้วยเครือข่ายสาขาจำนวนมากและมีอยู่ทั่วประเทศจะทำให้ CFR กลายเป็นผู้เล่นสำคัญอีกรายหนึ่งในตลาดร้านสะดวกซื้อของไทย - การขยายสาขาเชิงรุกของผู้เล่นในตลาดทำให้เกิดการแย่งส่วนแบ่งรายได้กัน เราคาดตลาดร้านสะดวกซื้อจะโตพอๆกับ GDP ของประเทศประมาณ 9% ในปี 55 เรามองการขยายสาขาจำนวนมากของทั้ง Tesco, BIGC, Tops daily, Max value และ Jiffy จะทำให้เกิดการแข่งขันสูงขึ้น และการแย่งส่วนแบ่งตลาดของตัวเอง (cannibalization) ซึ่งอาจชะลอการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSS growth) ของผู้นำกลุ่มร้านสะดวกซื้ออย่าง CPALL - พลังงานทางเลือกเอทานอล: ยังมีทั้งปัจจัยบวกและลบ - ผลกระทบต่อหุ้น…ปัจจัยบวกระยะสั้นต่อ KSL การที่รัฐบาลเข้าพยุงราคามันสำปะหลังทำให้ราคามันสำปะหลัง ไม่คุ้มทุนที่จะนำมาใช้ผลิตเอทานอล จึงเป็นบวกต่อ KSL ซึ่งใช้น้ำตาลmolasses เป็นวัตถุดิบ สำหรับบจ.อื่นที่มีรายได้จากเอทานอลได้แก่ TOP (ถือ ปิด 68.50 พื้นฐาน 66 -3.6%) และ BCP (ขาย ปิด 23.80 พื้นฐาน 18.10 -23.9%) แต่ยังมีสัดส่วนรายได้จากเอทานอลไม่สูง - ปัจจัยบวกต่อเอทานอล แผนพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศไทย ตั้งเป้าการการผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวในปี 2565 โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้ 1) โครงสร้างภาษีใหม่ที่ประกาศเร็วๆนี้ รวมถึงการที่ฟิลิปปินส์บังคับให้มีส่วนผสมของเอทานอลส่งผลบวกต่อการส่งออก ซึ่งเราคาดว่าจะเพิ่มเท่าตัวในปี 2555 2) รัฐบาลมีแผนเปลี่ยนจากน้ำมัน ออกเทน 91 เป็น E90 (มีส่วนผสมเอทานอล 10%) ซึ่งแม้จะล่าช้าจากเดือน ต.ค. แต่ผู้ผลิตยังคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว 3) ประโยชน์ทางภาษีสำหรับยานพาหนะที่ใช้ E20 และ E85 ซึ่งปัจจุบันมียานพาหนะที่จดทะเบียนกว่า 1 ล้านคัน สำหรับ E20 ซึ่งตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านคันในปี 2557 - ปัจจัยสนับสนุนด้านวัถุดิบ ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลก และเป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลัง อันดับ 1 ซึ่งเราคาดแนวโน้มผลผลิตทั้งน้ำตาล และมันสำปะหลัง เติบโตต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นปริมาณผลผลิตต่อไร่ และปริมาณพื้นที่เพาะปลูกที่เพิ่มขึ้น โดยพื้นที่เพาะปลูกปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนเพียง 12% ของพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศ - แต่อัตราการเติบโตยังต่ำกว่าเป้า และ oversupply ปัจจุบันอัตราการเติบโตของเอทานอลยังต่ำกว่าเป้า เนื่องจากนโยบายของภาครัฐฯ รวมถึงมาตรการภาษีที่ยังไม่สม่ำเสมอนอกจากนี้ยังมีปัญหา oversupply จากใบอนุญาติถึง 48 ใบ รวมกำลังการผลิต 12.5 ล้านลิตรต่อวัน โดยคาดการณ์กำลังการผลิตปี 2556 อยู่ที่ 5.3 ล้านลิตรต่อวัน และคาดการณ์ของเราอยู่ที่ 3.2 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเราคาดว่าจะต้องมีการปิดกิจการบางส่วน เพื่อให้อุตสาหกรรมถึงจุดคุ้มทุนที่อัตราการผลิต 70%   ข่าวที่มีผลกระทบต่อตลาด   ข่าวบริษัท - BAY (ถือ ปิด 34 พื้นฐาน 32 -5.9%): GE เปิดเผยพิจารณาขายหุ้น BAY - มูลค่าปัจจัยพื้นฐาน 32 บาท GE Capital ถือหุ้น BAY 32.93% หรือ 2,000 ล้านหุ้น เราได้สอบถามไปยัง BAY ต่อประเด็นการขายหุ้น แต่บริษัทยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เราประเมินมูลค่าหุ้น BAY ที่ 32 บาท ราคาหุ้น BAY ที่ 34 บาท มี PBV 1.8 เท่า PE 14 เท่า upside ของBAY จะขึ้นอยู่กับราคากขาย หากมีการขายกิจการเกิดขึ้นจริง - GE เปิดเผยพิจารณาขายหุ้น BAY Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 2 รายว่าบริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) กำลังพิจารณาขายหุ้น BAY มูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ (6.6 หมื่นลบ.) แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า ผู้ที่มีแนวโน้มจะเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวได้รวมถึงธนาคารมาลา ยัน แบงกิ้ง หรือ May Bank (ประเด็นข่าวจาก Bloomberg)   สรุปภาวะตลาด - DJIA ปิด 13,333.35 จุด +9.99 จุด (+0.07%) S&P500 ปิด 1,436.56 จุด +3.00 จุด (+0.21%) Nasdaq ปิด 3,114.31 จุด +9.79 จุด (+0.32%) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อจับตาผลการประชุมของ Fed นอกจากนี้ แรงบวกในตลาดยังลดน้อยลงเนื่องจากนักลงทุนค่อนข้างผิดหวังกับการวินิจฉัยเรื่องกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนี - NYMEX ส่งมอบ ต.ค. อยู่ที่ USD97.01/bbl -0.16(-0.2%) สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบ ธ.ค. อยู่ที่ USD1,733.7/ounce -1.2(-0.07%) สัญญาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนจับตาผลการประชุมของ Fed   สรุปข่าวประจำวัน   ต่างประเทศ - ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีวินิจฉัยว่า เยอรมนีสามารถลงสัตยาบันรับรองสนธิสัญญาจัดตั้งกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) และสนธิสัญญากำหนดกฎเกณฑ์ด้านงบประมาณได้ ตราบใดที่สามารถรับประกันได้ว่า จะไม่มีการเพิ่มความเสี่ยงทางการเงินของเยอรมนีในกองทุนอีเอสเอ็ม โดยปราศจากความเห็นชอบจากรัฐสภา ทั้งนี้ศาลระบุด้วยว่า เงื่อนไขหนึ่งในการอนุมัติให้ลงสัตยาบัน คือ การเพิ่มภาระหนี้ใดๆ ให้กับเยอรมนี ที่เกินกว่า 1.9 แสนล้านยูโร หรือประมาณ2.44 แสนล้านดอลลาร์ จะต้องได้รับอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน ขณะที่การตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับกองทุน ESM จะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา (กรุงเทพธุรกิจ) - กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงาน ราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค.55 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.9% ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่า ราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค.55 หลังจากลดลง0.6% ในเดือนก.ค.55 ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.55 หลังจากเพิ่มขึ้น0.5% ในเดือนก.ค.55 (รอยเตอร์) - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ 4.852แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.55 โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน ส่วนยอดค้าส่งลดลง 0.1% ในเดือนก.ค.55 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าสต็อกสินค้าภาคค้าส่งจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.55 หลังลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.55 และยอดค้าส่งจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค.55 หลังลดลง 1.4% ในเดือนมิ.ย.55 (รอยเตอร์)   ข่าวบริษัท - TCAP ดันสินเชื่อ โตตามเป้า10% ลุยตลาด SME เพิ่ม TCAP เชื่อนโยบายรถคันแรกดันสินเชื่อ-กำไรพุ่งขึ้น ไม่หวั่นแบงก์ชาติติดเบรกเช่าซื้อ มั่นใจบริหารความเสี่ยงอยู่ ยันสินเชื่อรวมปีนี้เข้าเป้า 10% แน่ แม้ 6 เดือนทำได้ 6% แล้ว พร้อมเจาะ SME ขนาดเล็กมากขึ้น (ข่าวหุ้น) - PTTEP เพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ โครงการโอมาน 44 แตะ 5 พันบาร์เรล/วันต.ค.นี้\"ปตท.สผ.\" เตรียมเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบในโครงการโอมาน 44 เป็น 5 พันบาร์เรล/วันในเดือนต.ค.นี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันบาร์เรล/วัน (ข่าวหุ้น) - CPALL ไม่หวั่นน้ำท่วม ปีนี้เตรียมพร้อมรับมือ เดินหน้าเปิด500สาขา CPALL ลั่นปีนี้ไม่หวั่นน้ำท่วมอีกรอบ มั่นใจไม่กระทบธุรกิจในภาพรวมแต่อาจจะกระทบระยะสั้น ส่วนยอดขายโตเกินเป้าที่ตั้งไว้ 15% พร้อมเดินหน้าขยายสาขาในประเทศ 500 แห่ง ตั้งคลังสินค้าและวางแผน ระบบขนส่งสินค้าให้มากขึ้น (ข่าวหุ้น) - PAF บุ๊กกำไรพิเศษขายที่ 900 ล.รับออเดอร์ฝรั่ง-ปั๊มกำลังผลิต 100% PAF ส่งซิกรอเซ็นสัญญาขายที่ดินกว่า 1.24 พันล้านบาท สอยกำไรกว่า 900 ล้านบาท บุ๊กเป็นกำไรพิเศษเข้างบปี 2555 เชื่ออนาคตมีกำไรสะสมชัวร์ ส่วนผลงานครึ่งปีหลังสดใส เผยฝรั่งเดินสายป้อนออเด อรล้น หนุนกำลังการผลิตพุ่ง 100% (ทันหุ้น) - SYNTEC ผ่านจุดต่ำสุด แบ็กล็อกหนุนยาวหมื่นล. SYNTEC ยันรายได้ปีนี้โตแตะ 5.2 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท โชว์ Backlog ล้นมือกว่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินเครื่องรับงานใหม่เต็มสูบ พร้อมหวังไตรมาส 3/2555 ลุ้นพลิกมีกำไร หลังครึ่งแรกขาดทุน กว่า 120 ล้านบาท (ทันหุ้น) - KC เล็งผุดโครงการแนวสูงการันตีผลงานทั้งปีพลิกกำไร ผู้บริหาร KC \"ชาย งามอัจฉริยกุล\" ส่องธุรกิจครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15% จากปีก่อน ทำไว้ 400.23 ล้านบาท พร้อมย้ำชัดปีนี้พลิกกลับมีกำไรชัวร์ สนใจขยายไลน์ผุดแนวสูง (ทันหุ้น)   - CP ทุ่มงบ3.6พันล้านบ. แบรนด์อาหารปลอดภัย เจาะตลาดประเทศจีน CP ลุยสร้างแบรนด์ \"CP\" ในตลาดจีน ประเดิมโครงการไก่ไข่ 3 ล้านตัวผิงกู่ เป็นโมเดลเกษตรกรรมแนวใหม่เจาะกลุ่ม Food Safety ลุยทำธุรกิจปศุสัตว์แบบเกษตรแนวใหม่ในประเทศจีน-พร้อมดึงจีนลงทุน เอทานอลในบราซิล (ทันหุ้น) - THRE ส่งซิกงบ2H/55บวก หวังล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง THRE ยิ้มออกครึ่งปีหลังผลประกอบการโตดีกว่าครึ่งแรก แย้มปีนี้รายได้แตะที่ 5,000 ล้านบาท ล้างขาดทุนสะสม 4,000 ล้านบาท หวังปี 2556 พลิกขาดทุนเป็นกำไร หลังปรับสัดส่วนประกันภัยอสังหาริมทรัพย์เหลือ 15% จาก 65% ลดความเสี่ยงจากปัญหาน้ำท่วม (ทันหุ้น) - EARTHขาขึ้นออเดอร์ทะลัก โค้งสามผลงานพุ่งพรวด40% EARTH ผลงาน Q3/2555 ส่อทะยานขั้นต่ำ 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 1.34 พันล้านบาท รับดีมานด์ทะลัก-เหมืองถ่านหินหนุน ด้าน \"ขจรพงศ์\" ย้ำชัดปีนี้รายได้ตามเป้า 8 พันล้านบาท อานิสงส์ออเดอร์ ใน-นอกกระฉูด ส่วนดีลเหมืองถ่านหินใหม่สรุปธันวาคมนี้ (ทันหุ้น)   ข่าวเศรษฐกิจ / อุตสาหกรรม - พิษนโยบายประชานิยมรายได้วืดเป้า5หมื่นล้าน นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่าการเก็บรายได้รัฐบาลจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.98 ล้านล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมของตัวเลขทั้งหมดยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่จะไม่ส่งผลกระทบกับการเบิกจ่ายของรัฐบาล เพราะยังมีการเบิกจ่ายได้ต่ำกว่าเป้าหมายอยู่ซึ่งเงินที่คาดว่าจะต้องเบิกจ่ายก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้ (เดลินิวส์) - 6นิคมฯเร่งสร้างเขื่อนป้องน้ำท่วมรอบใหม่ กระทรวงอุตสาหกรรม มั่นใจ 6 นิคมอุตสาหกรรมอยุธยา-ปทุมธานี พร้อมรับมือน้ำ \"โรจนะ\" เผยสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมแล้ว 99% ระบุหากน้ำเท่าปีก่อนจะไม่ท่วมโรงงาน เฝ้าระวังน้ำ 3 ระดับ ขณะที่นิคมบางปะอิน ชี้เขื่อนดินป้องกันน้ำท่วมเสร็จแล้ว ตั้งทีมเกาะติดสถานการณ์ตั้งแต่น้ำหลากถึงนครสวรรค์ เอกชนมั่นใจแผนบริหารจัดการรัฐรับมือได้ (กรุงเทพธุรกิจ)   กิจพล ไพรไพศาลกิจ Kitpon.p@kasikornsecurities.com +662 696-0057 ปณิธิ จิตรีโภชน์ Paniti.j@kasikornsecurities.com, +662 696-0053   โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 13 ก.ย. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook