รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 สรุปภาพตลาด   Range bound limit: เก็งกำไรรายตัว (2) รายวัน คาดดัชนีฯ Range bound limit แนวต้าน 1,218 จุด รับ 1,197/1,193 จุด ปัจจัยหนุน ยังคงเป็น แรงซื่อคืนสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น จากข่าวดียุโรป (ECB เข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรฯระยะสั้น และกรณี สเปนอาจขอรับเงินช่วยเหลือจาก EFSF/ESM เร็วๆนี้ช่วยคลายวิตกต่อแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง) และ แรงซื้อเก็งฯผลประกอบการ บจ.ไทย เราคงมุมมองตลาดหุ้นไทยจะมีแรงซื้อเก็งกำไรไปจนถึงช่วงกลางเดือนนี้ /เส้นตายประกาศงบ 15 สค. ก่อนจะปรับฐานและ ไปลุ้นรีบาวด์อีกครั้งในปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน กลยุทธ์ระยะสั้น แนะ ซื้อเก็งกำไรรายตัวต่อ ส่วนนักลงทุนรายเดือน แนะนำ ขึ้น-ทยอยล็อกกำไร หุ้นเด่น มีประเด็นวันนี้ AI (แนวรับ 4.36 บ. ต้าน > 4.60 บ. Consensus มีมุมมองบวกหลังประชุมนักวิเคราะห์วานนี้, ปัจจัยหนุนจะมาจาก การขยายโรงงานใหม่ส่งผลให้ประสิทธิภาพและมาร์จิ้นดีขึ้นมาก) Let profit run/ อ่อนตัวซื้อเก็งกำไรเพิ่ม SRICHA (แนวรับ 23.5 บ. ต้าน 25/27 บ.) แนวโน้มปรับกำไรขึ้น, Upside risk จาก DPS 12F กรณี Payout-base case ที่ 1.45 บ.และ Best case (85%) payout ที่ 2.2 บ. JUBILE (รับ 16 บ.ต้าน 17/17.5 บ.) ปัจจัยหนุนกำไรและราคาหุ้น จะมาจากการเปิดร้านใหม่พื้นที่ราว 1000 ตรม.ภายในปีนี้ เราคาดว่าจะสามารถเปิดทัน รองรับกรุ๊ปทัวร์ที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง High season ของฤดูกาลท่องเที่ยว AH (รับ 15.6 บ. ต้าน 17 บ.) Laggard play P/BV เทรดที่ 1 เท่า VS ค่าเฉลี่ยกลุ่มเทรดที่บริเวณ 1.4-1.5 เท่า, SORKON (รับ 84 บ. ต้าน 95 บ.)คาดกำไร 2Q12F เติบโตสูง   ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดฯ (-) MS เตือนตลาดหุ้นโลกมีความเปราะบางสูง อิงกระแสการลงทุนรอบนี้ พบกลุ่ม Value stock ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นแรงกว่า กลุ่มที่มี Beta สูงในรอบนี้ (สะท้อนตลาดมีความระมัดระวังสูง) (+/-) การประชุม ธ.กลางอินโดฯ และญี่ปุ่น วันพฤหัส คาดไม่มี Positive surprise และวันศุกร์ตัวเลขเศรษฐกิจจีน (ส่งออก-นำเข้า) อาจแย่กว่าคาด โดยส่งออกเดือน กค.คาดโต 5.5-8% จาก +11.3% (+) แรงซื้อคืน-สินทรัพย์เสี่ยง จากมาตรการใหม่ที่ ECB ได้ให้ความชัดเจนเพิ่มขึ้น (ภายหลังการประชุมเมื่อวันที่ 2 สค.) คือ การเข้าแทรกแซงซื้อพันธบัตรระยะสั้นในตลาด (Supercharged SMP) และส่งสัญญาณจะช่วยอุ้มหนี้กรีซที่จะครบกำหนด วันที่ 20 สค.นี้ (+/-) ตลาดคาด สเปน และอิตาลี จะขอรับเงินช่วยเหลือจาก EFSF/ESM ในเร็วๆนี้ (อาจเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้)/ สะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจ สเปน และอิตาลี แต่ตลาดฯมีความเชื่อว่า การเข้ารับเงินช่วยเหลือจะช่วยแรงกดดันต่อ แรงขายสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น   Investment theme: ธุรกรรม SBL เปลี่ยนจุด Short หุ้นใหม่เป็นบริเวณ 1,230 จุด นักเล่นสั้น พิจารณา Stop loss/ซื้อคืน เมื่ออ่อนตัว Safe haven (คาดดีกว่าตลาด) เน้นหุ้น มีปันผลระหว่างกาลสูง DTAC BECL EGCO (RATCH) BEC MAJOR INTUCH MCOT TVO Earning play: เน้นหุ้นกลาง-เล็ก SRICHA SORKON AH JUBILE AI   วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336   ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด   ประธานเฟดยอมรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจไม่ได้ช่วยปัญหาภาคครัวเรือน ประธานเฟดยอมรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจไม่ได้สะท้อนความลำบากของภาคครัวเรือน แม้ว่าดัชนีมหภาคเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายประชาชน รายได้ ความมั่งคั่ง และความสามารถในการชำระหนี้ฟื้นตัวดีขึ้นจากวิกฤตเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ประชาชนโดยส่วนรวมยังลำบาก จากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อวันที่ 1 ส.ค ประธานเฟดกล่าวว่า เขาพร้อมที่จะประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ขยายตัว และ ลดอัตราว่างงานให้ต่ำกว่า 8% (Bloomberg)   ค่าระวางเรือส่งสัญญาณดีขึ้น ราคาสินแร่เหล็กที่ใช้เพื่อวัตถุดิบสำหรับการผลิตเหล็กที่ราคาต่ำสุดในรอบ 31 ปี และ ราคาระวางเรือที่ต่ำสุดได้ทำให้ประเทศจีนมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทเดินเรือเริ่มมองดีขึ้น ค่าระวางเรือขนาด capsize บรรทุกน้ำหนัก 16000 ตันน่าจะเห็นค่าระวาง 14000 เหรียญต่อวันในไตรมาสสี่ปีนี้เทียบกับค่าระวางเรือล่วงหน้าของโบรกเกอร์ที่ซื้อขายที่ระดับ 10500 เหรียญสหรัฐ แต่ยังต่ำกว่าที่เจ้าของเรือต้องการที่ 16700 เหรียญต่อวันเพื่อหยุดการขาดทุน ปัจจุบันปริมาณสินแร่เหล็กที่ท่าเรือของจีนยังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 99.4 ล้านตันหรือเทียบเท่าร้อยละ 14 ของปริมาณนำเข้าเหล็กของจีนทั้งปี (Bloomberg)   ธปท.ประเมินกรีซพ้นยูโรฉุดศก.ปีหน้าโตแค่ 2.5% แบงก์ชาติ ระบุ \"กรีซ\" เสี่ยงสูงออกจากยูโรโซนในปีหน้า คาดกระทบเศรษฐกิจกลุ่มประเทศคู่ค้าหดตัวลง 3% ฉุดเศรษฐกิจไทยโต 2.5% จากสมมติฐานปกติ 5% เชื่อวิกฤติยุโรปไม่เลวร้ายเท่าซับไพร์ม ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เยอรมนีย้ำอาเซียนไม่จำเป็นต้องเดินตามระบบการเงินยูโรโซน แนะ 5 บทเรียนอาเซียนจากวิกฤติยุโรป (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)   ยอมไม่ได้ราคาดีเซลเกิน 30 บ. ต่อลิตร จ่อเว้นภาษียันสิ้นปี-ขูดเงินเจ้าคุณปู่อุ้ม นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์การบริหาร ราคาพลังงานว่า นโยบายของกระทรวงพลังงาน ยังจะดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อดูแลผลกระทบค่าครองชีพประชาชน โดยขณะนี้ยังมีกองทุนน้ำมัน ที่จัดเก็บจากดีเซลเหลืออีก 60 สตางค์ (สต.) ต่อลิตร ซึ่งสามารถใช้เป็นกลไกชะลอการปรับราคาดีเซลได้อย่างน้อยอีก 1 ครั้ง  หลังจากนั้น หากหมดเงินตรงนี้ ก็สามารถนำเงินของกองทุนน้ำมันที่เหลือขณะนี้ 14,000 ล้านบาท มาอุดหนุนได้แต่ต้องรอให้ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ให้ความเห็นชอบก่อน (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)   6 บจ.ไทยติด 200 บริษัทสุดยอดในเอเชียแปซิฟิก นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ เปิดเผยว่า ในปีนี้มี 6 บริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่สามารถผ่านคัดเลือกโดยนิตยสาร ฟอร์บส์ เอเชีย ไปอยู่ในทำเนียบสุดยอด 200 บริษัทจดทะเบียน ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คือ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส (ลานนา) บมจ. ทรัพย์ศรีไทย (เอสเอสที) บมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (ยูพีโอไอซี) บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (เวิร์ค) บมจ.มาสเตอร์ แอด (มาโค) และ บมจ.ควอลลีเทค (คิวแอลที) โดยทั้ง 6 บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ทั้งสิ้น 25,118 ล้านบาท (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)   ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1   รายงานวันนี้   หุ้น: BH          คำแนะนำ: ซื้อ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 98.00 เรายังมีความมั่นใจในคำแนะนำซื้อ หุ้น BH ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2556 ที่ 98.00 บาท อ้างอิงวิธี DCF ที่คิดลด 20% คาดกำไรไตรมาส 2-3/55 จะโดดเด่นกว่าตลาดทั้ง YoY และ QoQ โดยทั้งกำไรหลักและสุทธิในไตรมาส 3/55 จะทำสถิติใหม่สูงสุดใหม่ทั้งคู่ เราคาด BH จะรายงานกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 2/55 ที่ 501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% YoY  ลดลงเพียง 14% QoQ คาดฐานะเงินสดสุทธิสิ้นเดือน ก.ย. จะรองรับการขยายความสามารถในการให้บริการในอนาคต   กลุ่ม: ปิโตรเคมี          คำแนะนำ: เพิ่มน้ำหนักการลงทุน          ราคาเป้าหมาย (บาท): - สัปดาห์ที่แล้ว ราคาและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวทั้งขึ้นและลง ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบและอุปสงค์ที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากอินเดียช่วยหนุนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ ส่วนต่างราคาเอธิลีนปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ส่วนต่างราคาโพรพิลีนยังคงลดลงต่อเนื่อง ส่วนต่างราคา HDPE อ่อนตัวลง แต่ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ส่วนต่างราคาพีวีซีทรงตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน   หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม   Technical Analysis   Security: KBANK Position: ขายทำกำไร Reason: ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 175 ส่งผลให้โมเมนตัมการขึ้นเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิคกำลังเข้าสู่ระดับสูงหรือ Overbought คาดว่าหุ้นอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการปรับลง   Security: SCB Position: ขายทำกำไร Reason: อ่อนตัวเมื่อทดสอบแนวต้านสำคัญ 160 สอดคล้องกับเครื่องมือทางเทคนิคส่งสัญญาณเตือนลักษณะ Bearish divergence   Security: SCC Position: ขายทำกำไร Reason: แม้ราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวลงแรง แต่เครื่องมือทางเทคนิคบ่งชี้ถึงสัญญาณลบตัดลงและอยู่ในกลุ่มหุ้นที่มีสัญญาณอ่อนกว่าตลาด แนวรับแรก 320 หากหุ้นทะลุลงไปต่ำกว่าคาดว่าหุ้นจะปรับตัวลงแรง   Security: PTT Position: ขายทำกำไร Reason: รีบาวด์แต่ยังคงติดแนวต้านสำคัญ 330 ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางถึงยาวเรียงตัวอยู่ด้านบน หากวอลุ่มไม่หนาแน่นมากพอคาดผ่านได้ยาก   Security: YUASA Position: ซื้อเก็งกำไร เป้าหมาย: 14/14.4 Stop loss< 12.3 Reason: ทะลุแนวต้านสำคัญ ส่งผลให้วอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามคาด เปลี่ยนรูปแบบขึ้นรอบใหม่มองแนวต้านระยะสั้นบริเวณ 14 และ 14.4   Security: APCS Position: ซื้อเก็งกำไร เป้าหมาย: 6.4/6.6 Stop loss< 5.7 Reason: หุ้นอยู่ในช่วงของการพักตัวบนรูปแบบขาขึ้นหลัก สัญญาณซื้อจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุกรอบสามเหลี่ยมด้ายบนที่ 6 แนะนำ Follow buy โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 6.4 และ 6.6   โดย บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ประจำวันที่ 7 ส.ค. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook